แน่นอนว่าวิธีการลดความอ้วนนั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ศัลยกรรม หรือแม้แต่วิธีทางการแพทย์อย่าง ผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Gastric Sleeve Surgery) แต่ทั้งนี้สำหรับคนที่สนใจจะลดความอ้วนด้วย การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ควรจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน
ข้อมูลพื้นฐาน
ผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Gastric Sleeve Surgery) คืออะไร
การผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นการผ่าตัดลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะการผ่าตัดกระเพาะอาหารนั้นจะทำให้ความจุของกระเพาะอาหารลดลงประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการช่วยลดน้ำหนักในระยะยาว ทั้งยังลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งได้แก่
- โรคกรดไหลย้อน
- โรคหัวใจ
- ความดันโลหิตสูง
- คอเลสเตอรอลสูง
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- โรคเบาหวานประเภท 2
โดยปกติแล้วการ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร จะทำหลังจากที่คุณพยายามลดน้ำหนักโดยการปรับพฤติกรรมการกินอาหารและปรับนิสัยของการออกกำลังกายแล้ว
ความเสี่ยง
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณเข้ารับการ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร
แน่นอนว่าการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ก็เหมือนกับการผ่าตัดใหญ่ทั่วๆ ไป ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีดังนี้
ความเสี่ยงระยะสั้น
- มีเลือดออกมากเกินไป
- การติดเชื้อ
- ปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ต่อการระงับความรู้สึก
- เลือดอุดตัน
- ปัญหาปอดหรือการหายใจ
- รอยรั่วจากส่วนที่ถูกตัดของกระเพาะอาหาร
ความเสี่ยงระยะยาวและภาวะแทรกซ้อน
- ลำไส้อุดตัน (Gastrointestinal obstruction)
- ไส้เลื่อน
- กรดไหลย้อน
- น้ำตาลในเลือดต่ำ หรือภาวะน้ำตาลในเลือด
- ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
- อาเจียน
นอกจากนั้นบ่อยครั้งที่ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ยังอาจอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ขั้นตอนการผ่าตัด
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะใช้วิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหารในการช่วยลดน้ำหนัก ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ดีเสียก่อน รวมไปถึงการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อขอรับคำแนะนำที่เหมาะสม
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
ก่อนที่คุณจะเข้ารับการผ่าตัด ศัลยแพทย์จะทำการถามคำถามหลายข้อกับคุณ จากนั้นในห้องผ่าตัดคุณจะได้รับยาชาก่อนการผ่าตัด ซึ่งยาชาจะช่วยทำให้คุณหลับสบายระหว่างการผ่าตัด
ขั้นตอนการ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการผ่าตัดกระเพาะอาหาร จะมีลักษณะเฉพาะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคลและการปฏิบัติของแพทย์ บางที่อาจจะใช้การผ่าตัดแบบดั้งเดิม ด้วยการผ่าตัดเปิดบริเวณช่องท้อง (Incisions)
แต่โดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดกระเพาะอาหารผ่านช่องท้องจะใช้วิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopically) ซึ่งเป็นการสอดเครื่องมือขนาดเล็ก ผ่านแผลขนาดเล็กเข้าไปยังช่องท้องด้านบน
จากนั้นศัลยแพทย์จะทำการตัดกระเพาะบางส่วนออก เพื่อให้กระเพาะมีขนาดเล็กลง และทำการเย็บกระเพาะอาหารในแนวตั้งโดยการผ่าตัดมักจะใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง หลังจากผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย แล้วคุณฟื้นขึ้นมาในห้องพักฟื้น เจ้าหน้าที่ทางการพทย์จะคอยดูแล เพื่อดูว่ามีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เกิดขึ้นหรือไม่
การพักฟื้น
หลังจากการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
หลังจากผ่าตัดเรียบร้อยแล้วคุณจะได้รับของเหลวที่ปราศจากน้ำตาล ปราศจากคาร์โบไฮเดรตในช่วง 7 วันแรก จากนั้นคุณจะได้รับอาหารเนื้อข้น (Pureed) เป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นถึงจะได้รับอาหารปกติประมาณ 4 สัปดาห์
ที่สำคัญแล้วคุณยังต้องได้รับวิตามินวันละ 2 ครั้ง คือ วิตามินเสริมแคลเซียมวันละครั้ง และฉีดวิตามินบี 12 วันละครั้งตลอดชีวิต
นอกจากนั้นแล้วคุณยังต้องตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อดูสุขภาพของคุณในช่วงหลายเดือนแรกของการผ่าตัดกระเพาะอาหาร และคุณอาจจะต้องทำการทดสอบต่างๆ ในห้องปฏิบัติการ รวมถึงทดสอบเลือดด้วย ทั้งนี้คุณอาจจะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างรวดเร็วในช่วง 3-6 เดือนแรกหลังจากการผ่าตัดกระเพาะอาหาร รวมถึง
- รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย
- รู้สึกเหนื่อยเหมือนกับจะเป็นไข้หวัด
- รู้สึกหนาว
- ผิวแห้ง
- ผมบางและผมร่วง
- อารมณ์เปลี่ยนแปลง
สำหรับใครที่อยากลดน้ำหนัก ทางที่ดีที่สุดก็คือการควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน แต่สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป จนทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบาก ก็ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงเรื่องการผ่าตัดกระเพาะอาหาร เพื่อจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเองมากที่สุด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]