backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ปวดศีรษะ (Headache)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย อนันตา นานา · แก้ไขล่าสุด 02/06/2020

ปวดศีรษะ (Headache)

ปวดศีรษะ มีตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรง สามารถกินยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการได้ ไปจนถึงอาการปวดหัวรุนแรง ซึ่งถ้าคุณมีอาการปวดหัวเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาอาการต่อไป

คำจำกัดความ

อาการ ปวดศีรษะ คืออะไร

อาการปวดศีรษะ คืออาการปวดที่อาจขึ้นได้ในทุกบริเวณของศีรษะ อาจปวดทั้งสองข้าง หรือปวดเพียงข้างใดข้างหนึ่ง อาจปวดรุนแรง ปวดจี๊ด หรือ ปวดตื้อ อาการอาจค่อย ๆ เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นโดยฉับพลัน และอาจปวดเป็นชั่วโมงหรือปวดตลอดวัน

อาการปวดศีรษะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  • ปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ (Primary headaches) เป็นการปวดศีรษะที่ไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย ได้แก่ ปวดไมเกรน ปวดศีรษะจากความเครียด และปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์
  • ปวดศีรษะแบบทุติยภูมิ (Secondary headaches) เป็นอาการปวดศีรษะที่เกิดจากโรคอื่น ๆ

ปวดศีรษะ พบได้บ่อยแค่ไหน

อาการปวดศีรษะเป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในคนทุกเพศ ทุกวัย แต่สามารถจัดการได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม

อาการ

อาการปวดศีรษะ

อาการปวดศีรษะอาจแตกต่างกันไป ตามประเภทของการปวดศีรษะ เช่น

อาการปวดศีรษะที่เกิดจากความเครียด (Tension headache)

  • มีอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • มีอาการปวดทั้งศีรษะ
  • มีอาการปวดตลอดทั้งวัน
  • ปวดตอนตื่นนอน
  • มีอาการเหนื่อยล้า
  • ไม่มีสมาธิ
  • มีปฏิกิริยาไวต่อแสงและเสียงดัง
  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • อาการปวดศีรษะไมเกรน (Migraines headache)

    • มีอาการปวดปานกลางถึงรุนแรง
    • ตาพร่า
    • คลื่นไส้และอาเจียน
    • ปวดท้อง
    • เบื่ออาหาร
    • เกิดจุดบอดในตา
    • ผิวซีด

    อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (Cluster headaches)

    • ปวดแบบสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และมีอาการปวดรุนแรงคล้ายอาการแสบไหม้ หรือถูกเจาะ
    • ปวดบริเวณด้านข้างศีรษะ
    • ปวดที่ดวงตาหรือบริเวณกระบอกตาข้างใดข้างหนึ่ง เพียงข้างเดียวตลอดโดยไม่เปลี่ยนข้าง
    • อาการจะค่อยๆ หายไป และจะกลับมามีอาการใหม่ภายในวันเดียวกัน หรือวันต่อๆ ไป

    สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น

    ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด

    โดยทั่วไป อาการปวดศีรษะนั้นไม่เป็นอันตรายและสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม อาการปวดศีรษะที่รุนแรงนั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคภัยไข้เจ็บบางประการ เช่น เนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง

    ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์ เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ

    สาเหตุ

    สาเหตุของการปวดศีรษะ

    มีปัจจัยหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะได้ อาการปวดศีรษะบางครั้งอาจเกิดจากสภาพแวดล้อมหรือกิจกรรมของคุณเองเป็นตัวกระตุ้นโรคประจำตัวก็อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะได้เช่นกัน หรืออาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้

    • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไวน์แดง
    • เนื้อสัตว์รมควัน
    • การอดนอน
    • อาการปวดกล้ามเนื้อจากท่าทางที่ไม่เหมาะสม
    • รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
    • ภาวะขาดน้ำ
    • ความเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล
    • การออกกำลังกายมากไป หรือน้อยเกินไป
    • การใช้ยาผิดประเภท
    • การรับประทานอาหารเย็นจัด

    ปัจจัยเสี่ยง

    ปัจจัยเสี่ยงของอาการปวดศีรษะ

    มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ได้แก่

    • บุคคลในครอบครัว มีประวัติบุคคลในครอบครัวมีอาการเดียวกันมาก่อน
    • อายุ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีเป็นต้นไปส่วนใหญ่จะมีอาการไมเกรน
    • เพศ เพศหญิงมีโอกาสเป็นไมเกรนได้มากกว่าชาย 3 เท่า
    • ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในเพศหญิงมักมีอาการปวดศีรษะก่อนมีรอบเดือน

    การวินิจฉัยและการรักษาโรค

    ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

    การวินิจฉัยอาการปวดศีรษะ

    ขั้นตอนแรกของการวินิจฉัยอาการปวดศีรษะคือ การตรวจร่างกายเบื้องต้น รวมถึงการตรวจสอบประวัติการแพทย์ของคุณ

    คุณควรแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับอาการปวดศีรษะ ลักษณะของการปวดศีรษะ ระยะเวลาและช่วงเวลาที่ปวด รวมถึงอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นให้แพทย์ทราบอย่างละเอียดเว

    การจดบันทึกรายละเอียดของอาการที่คุณมีและแจ้งให้แพทย์ทราบจะช่วยให้การตรวจวินิฉัยโรคแม่นยำยิ่งขึ้น

    การรักษาอาการปวดศีรษะ

    โดยทั่วไป วิธีรักษาอาการปวดศีรษะนั้นสามารถทำได้ด้วยการซื้อยามารับประทานเอง

    อาการปวดศีรษะจากความเครียดนั้นสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวด ได้แก่

    อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้ไม่ควรใช้มากเกินไป ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ การใช้ยาที่ซื้อมาเองมากเกินไป อาจก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะจากการใช้ยาเกินได้ หากใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป ทำให้ร่างกายคุ้นชินกับการใช้ยาและอาจทำให้อาการปวดศีรษะรักษาได้ยากขึ้น

    การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง

    การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองที่ช่วยจัดการกับอาการปวดศีรษะ

    การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองดังต่อไปนี้ อาจช่วยจัดการกับอาการปวดศีรษะได้

    • ทำสมาธิ
    • ฝึกผ่อนคลาย
    • การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT)
    • การตรวจสอบความสมดุลของร่างกาย (Biofeedback)

      ด้วยเทคนิคการผ่อนคลายที่จะช่วยคุณรับมืออาการปวดและความเครียดได้ดีขึ้น

    • การฝังเข็ม
    • การนวดและยืดต้นคอเบาๆ
    • การประคบอุ่นหรืออาบน้ำอุ่น

    หากมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย อนันตา นานา · แก้ไขล่าสุด 02/06/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา