นิสัยเสียๆอย่างเช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การนอนน้อย หรือการดื่มน้ำน้อย เป็นนิสัยที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าไม่ดีต่อสุขภาพ แต่มีนิสัยเสียบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย จนคุณอาจละเลยที่จะแก้ไขมัน จนนิสัยเสียเล็กๆน้อยๆพวกนี้ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้มากกว่าที่คิด Hello คุณหมอได้รวบรวม นิสัยที่ทำร้ายสุขภาพ มาให้อ่านกันแล้วค่ะ
12 นิสัยที่ทำร้ายสุขภาพ
กลั้นปัสสาวะ
การกลั้นปัสสาวะเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค และทำให้ไตมีปัญหาได้ เวลาที่เราไม่ยอมปัสสาวะนั้น น้ำปัสสาวะจะไหลย้อนกลับไปที่ไตทำให้เกิดแรงกดขึ้นมา ซึ่งนั่นอาจทำให้มีการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดี ฉะนั้นก็ควรปัสสาวะให้ได้วันละประมาณ 5-7 ครั้ง
กัดเล็บ
ผู้คนส่วนใหญ่จะชอบกัดเล็บเวลาที่เรามีเรื่องกลุ้มใจหรือวิตกกังวล แต่นั่นถือว่าเป็นนิสัยที่ไม่ดี เนื่องจากจะเป็นการทำลายสภาพผิวของเล็บ และอาจทำให้เกิดอาการติดเชื้อบริเวณผิวหนังได้ นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่การติดเชื้อในร่างกาย ที่ทำให้เราเกิดอาการเจ็บป่วยได้
ใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป
พวกเราส่วนใหญ่ และสังคมในการทำงานออฟฟิศปัจจุบัน มักจะใช้คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้คกันเป็นเวลานานๆ ซึ่งจะทำให้ดวงตาเกิดอาการเมื่อยล้าได้ และจะทำให้กระจกตามีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ดวงตาแห้ง และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วย
ใช้ไหล่แบกของมากเกินไป
เวลาที่เราสะพายถุงหนักๆไว้บนไหล่ข้างหนึ่งนั้น จะทำให้คอของเราเสียงสมดุลและเกิดอันตรายได้ โดยจะทำให้คอและแขนเกิดอาการชาได้ ฉะนั้น จึงไม่ควรใช้ไหล่ข้างเดียวในการแบกของ วิธีที่ดีกว่า คือ ใช้กระเป๋าเป้แบบสะพายหลังดีกว่า เพื่อความสมดุลของไหล่
เคี้ยวหมากฝรั่ง
การเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ตลอดเวลาจะทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายเพิ่มขึ้น แถมยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมตัวของเชื้อแบคทีเรียในช่องปากด้วย นอกจากนี้ยังสร้างแรงกดบริเวณกรามและทำให้เกิดฟันผุด้วย ฉะนั้นก็เคี้ยวหมากฝรั่งแค่ 5-10 นาทีพอ หลังจากเคี้ยวหมากฝรั่งเรียบร้อยแล้ว ควรบ้วนน้ำให้สะอาดด้วย
หักข้อนิ้วมือ
การหักข้อนิ้วดังเป๊าะๆ นอกจากจะสร้างความรำคาญให้เพื่อนแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของตัวคุณเองด้วย ในข้อนิ้วของเรานั้น มีสสารบางอย่างที่เรียกว่า ‘ไขข้อ‘ ที่ช่วยให้เราเคลื่อนไหวข้อนิ้วได้ง่ายขึ้น ฉะนั้น การหักนิ้วดังเป๊าะๆ นั้น จะทำให้เกิดฟองขึ้นในไขข้อ ซึ่งถ้าใครทำบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดมือบวมหรือหยิบจับอะไรได้อยากขึ้นเมื่อผ่านไปนานๆ เข้า และอาจทำให้เกิดอาการไขข้ออักเสบขึ้นมาได้
นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
ถ้าคุณนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ คุณไม่เพียงจะดูเหมือนผีดิบเท่านั้นนะ แต่ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคซึมเศร้า นอกจากนี้ยังทำให้คุณเรียนรู้และจดจำอะไรได้ยากขึ้นด้วย สร้างกิจวัตรการนอนขึ้นมาซะแล้วทำตามนั้นเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ โดยนอนให้ได้คืนละ 7-8 ชั่วโมง
สวมหูฟัง
หน่วยวัดความดังของเสียง คือ เดซิเบล การพูดคุยกันตามปกตินั้นมีความดังประมาณ 60 เดซิเบล ฉะนั้น ถ้าอยากจะให้ปลอดภัยก็ควรปรับเสียงในหูฟังให้น้อย 75 เดซิเบล (ความดังในระดับนี้ก็เท่ากับเสียงเครื่องดูดฝุ่นนั่นแหละ) และไม่ควรฟังอะไรแต่ละครั้งนานเกินสองชั่วโมง เนื่องจากการฟังเสียงดังๆ บ่อยๆ นั้น อาจทำให้คุณสูญเสียการได้ยินเมื่อมีอายุมากขึ้นได้
ใช้อินเทอร์เน็ตก่อนเข้านอน
‘แสงสีฟ้า‘ ที่ออกมาจากเครื่องมืออิเลคโทรนิค อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์นั้น อาจสร้างความรบกวนต่อการนอนของคุณได้
ผลการศึกษาวิจัยแสงให้เห็นว่า แสงในยามค่ำคืนไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน ก็ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก) โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ
ถ้าคุณอยากจะอ่านอะไรก่อนนอน ก็ควรหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านจะดีกว่า อาจจะเลือกเป็นหนังสือประเภท เบาสมอง หรือ เสริมสร้างพลังใจเชิงบวก เพื่อเป็นการผ่อนคลายสมองและจิตใจก่อนเข้านอน
นั่งเป็นเวลานาน
ผู้คนในยุคนี้ มักจะใช้เวลานั่งอยู่บนเก้าอี้มากเกินไป ปัญหาส่วนหนึ่งก็มาจากสถานที่ทำงานแหละ เนื่องจากเราต้องนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ซึ่งจะทำให้ระบบเผาผลาญของเราทำงานช้าลง หมายความว่า เราจะมีน้ำหนักขึ้นได้ง่าย
นอกจากนี้ยังมีส่วนเชื่อมโยงกับปัญหาทางด้านสุขภาพอื่นๆ อย่างเช่น โรคหัวใจ วิธีแก้ปัญหาแบบง่ายๆ ก็คือ ลุกขึ้นเดินเป็นระยะๆ หรือแม้แต่การเดินวันละ 10 นาที ก็สามารถช่วยคุณได้ด้วย
กินอาหารเร็วเกินไป
ถ้าคุณใช้เวลาการกินอาหารให้ช้าลง จะทำให้คุณรู้สึกเพลิดเพลินกับการกินน้อยลง ดังนั้นการรับประทานอาหารให้ช้าลง ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้ง่ายขึ้น เนื่องจากร่างกายมีโอกาสได้รับรู้ว่ากินอิ่มแล้ว
ฉะนั้นควรตักอาการเข้าปากเป็นคำเล็กๆแล้วเคี้ยวนานๆนอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบการย่อยของกระเพาะทำงานได้ดี เพราะอาหารผ่านการเคี้ยวที่ช้าๆและละเอียด
อยู่คนเดียวนานเกินไป
ไม่สำคัญหรอกว่า คุณรู้จักใครมากมายขนาดไหน หรือไปเจอคนพวกนั้นบ่อยเท่าไร แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่คุณรู้สึกผูกพันกับใครหรือไม่มากกว่า ถ้าคุณไม่รู้สึกผูกพันกับใครเลย คุณก็มีแนวโน้มจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคซึมเศร้า โรคที่เกี่ยวกับสมอง (อย่างเช่นโรคสมองเสื่อม) และการอักเสบ
ถ้าคุณรู้สึกเดียวดายหรือเหงา ควรเข้าร่วมทำกิจกรรมกับกลุ่มหรือชมรมต่างๆ หรือติดต่อพบปะกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อนฝูง หรือเริ่มทำอะไรใหม่ๆที่จะทำให้ได้รู้จักผู้คนอื่นๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับสังคมใหม่ หรือไปร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา ใช้เวลาว่างอย่างคุ้มค่าและมีประโยชน์ต่อสาธารณะ
จากข้อมูลด้านบนมีใครที่มีนิสัยที่ทำร้ายสุขภาพ ข้อใดบ้างก็ควรระมัดระวัง และเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนที่นิสัยเสียเล็กๆน้อยๆ เหล่านี้จะส่งผลต่อสุขภาพของเรา ไปมากกว่านี้นะคะอาจเริ่มจากการปรับเปลี่ยนจากเรื่องง่ายๆก่อน ที่ละข้อสองข้อ แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนทั้งหมด เพียงเท่านี้ร่างกายของเรา ก็จะได้ไม่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพแล้วค่ะ
Hello Health Groupไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]