โรคไบโพลาร์ (bipolar disorder) หรือโรคอารมณ์สองขั้วนั้น เป็นโรคทางจิตเภทที่หลายคนอาจจะรู้จักชื่อกันเป็นอย่างดี แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าความจริงแล้ว มันมี สัญญาณของโรคไบโพลาร์ ที่อาจจะแสดงออกมาแต่คุณอาจจไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคนี้อยู่ บทความนี้ของ Hello คุณหมอ จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาณของโรคดังกล่าว พร้อมให้คุณได้สำรวจตนเองกันว่าเข้าข่ายเป็นโรคไบโพลาร์หรือไม่
สัญญาณของโรคไบโพลาร์ ที่คุณอาจมองข้ามไป
ถือเป็นเรื่องยากที่คุณจะสามารถแยกให้ออกได้ว่า คุณเป็นเพียงคนที่ขี้โมโห อารมณ์แปรปรวน หรือคุณกำลังเจ็บป่วยทางจิตอย่างรุนแรง ดังนั้น ลองมาสังเกตตนเองว่ากำลังมี สัญญาของโรคไบโพลาร์ ปรากฏอยู่หรือไม่ ซึ่งสัญญาณเตือนต่างๆ มีดังนี้
รู้สึกกดดัน
โรคอารมณ์สองขั้นนั้นในช่วงที่อยู่ในภาวะซึมเศร้าจะมีอาการเช่นเดียวกับคนที่มีภาวะซึมเศร้า โดยมักจะมีอาการนอนไม่หลับ อ่อนเพลีย และลดความอยากอาหาร สิ่งที่แตกต่างระหว่างภาวะซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ก็คือ ความผันผวนของอารมณ์
ดังนั้นการปรึกษากับนักบำบัดหรือแพทย์เพื่อรักษาภาวะซึมเศร้าจะแตกต่างจากการรักษาโรคอารมณ์สองขั้น นอกจากนั้นการจ่ายยากล่อมประสาทเพียงอย่างเดียวในผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าแบบสองขั้น แพทย์จะไม่แนะนำ เพราะมันอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกกดดัน จนนำไปสู่อารมณ์ที่บ้าคลั่งได้
นอนไม่หลับ
เป็นเรื่องปกติที่คุณจะมีช่วงเวลาที่นอนไม่หลับ ซึ่งเกิดจากความเครียดหรือความคาดหวังในเรื่องต่างๆ แต่บางคนที่อยู่ในระยะของโรคไบโพลาร์มักจะได้นอนน้อยกว่าปกติ มันไม่ใช่แค่การอดนอน แต่มันคือการไม่อยากนอนเลย บางครั้งผู้ที่อยู่ในช่วงซึมเศร้าก็อาจจะนอนนานกว่าปกติ ดังนั้น ตารางการนอนแบบปกติ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอารมณ์สองขั้ว
มีความคิดฆ่าตัวตาย
อาการที่เกิดโรคไบโพลาร์นั้นเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทนได้ บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีหรือคุณมักจะคิดว่าถ้าคนที่คุณรักไม่มีคุณอยู่มันอาจจะดีกว่า หากเกิดความคิดเช่นนี้การไปพบนักบำบัดหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วจะเป็นการดีที่สุด
อย่ารู้สึกอายที่จะต้องขอความช่วยเหลือหากคุณกำลังรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย หรือต้องการทำร้ายตัวเอง หลายคนที่เป็นโรคไบโพลาร์ทักจะมีปัญหาเกี่ยวกับความคิดเหล่านี้ การคุยกับแพทย์หรือนักบำบัด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงแผนการรักษา อาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ทั้งมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกมีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่
อารมณ์ดีมากผิดปกติ
แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากจะมีอารมณ์ที่ดี แถมอารมณ์ดีแล้วไม่เห็นจะเป็นสัญญาณของความเจ็บป่วยทางจิตตรงไหน Smitha Murthy จิตแพทย์และผู้ช่วยศาสตราจารย์ในภาควิชาจิตเวชศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัสกล่าวว่า การที่อารมณ์ดีมากเกินไปนั้นไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด โดยการที่มีอารมณ์ดีมากเกินปรกติอาจจะอยู่เพียงแค่ช่วง 1 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น ทั้งยังอาจจะแสดงออกมาร่วมกับอาการอื่นๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาการบ้าคลั่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการของโรคไบโพลาร์
ในความเป็นจริงแล้วความบ้าคลั่งนั้นเป็นเรื่องที่อันตราย เพราะมันอาจทำให้คนตัดสินใจเรื่องสำคัญผิดพลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน เรื่องทางเพศ และเรื่องของความสัมพันธ์ นอกจากนั้นมันอาจเกิดอาการหลงผิดและเกิดภาพหลอนในช่วงที่มีอารมณ์ดีมากกว่าปกติ (Hypomania) ได้ ซึ่งในช่วงที่มีอารมณ์ดีมากกว่าปกติ เป็นลักษณะของไบโพลาร์ ประเภท 2 (Bipolar II Disorder)
ฟุ้งซ่านได้ง่าย
หากคุณไม่สามารถตั้งสมาธิให้อยู่กับงานหนึ่งได้อย่างตั้งใจ แต่ความคิดกระโดดไปกระโดดมา หรือไม่สามารถทำงานหนึ่งให้เสร็จเรียบร้อยได้ มันอาจมีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอน (Flightiness) ความเครียด หรือปัจจัยอื่นๆ เช่น ขาดสมาธิ แต่ถ้าคุณรู้สึกว้าวุ่นจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย แถมยังรบกวนงานและความสัมพันธ์อื่นๆ ของคุณ คุณอาจจะกำลังเป็นโรคไบโพลาร์ก็ได้
ภาพหลอน
ไม่ว่ะเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคไบโพลาร์มันสามารถก่อให้เกิดภาพหลอนได้ทั้งนั้น คุณอาจจะได้ยินเสียงต่างๆ หรือได้ยินเสียงคนพูด โดยที่ความจริงแล้วไม่มีใครอยู่ที่นั่นกับคุณก็เป็นได้ ภาพหลอนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ที่รุนแรงของบุคคลบ่อยครั้ง
ตัวอย่างเช่น คนที่มีความเครียดอาจจะได้ยินเสียงให้ทำร้ายตัวเอง บางคนอาจจะแสดงอาการคลั่งออกมา หรือบางคนอาจจะพูดคุยกับคนอื่นด้วยเสียงที่ดังเมื่อมีคนเข้ามาในบ้าน ถ้าเกิดอาการประสาทหลอน การรีบไปพบแพทยู้เชี่ยวชาญหรือนักบำบัดจะเป็นการดีที่สุด เพื่อประเมินาการที่เกิดขึ้นและจะได้รับการรักษาได้ทัน
น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
โรคไบโพลาร์สามารถทำให้คุณลืมที่จะกินอาหาร หรือช่วยที่มีอารมณ์คลั่งแคลอรี่อาจจะถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ในทางกลับกันอาการของไบโพลาร์ก็สามารถกระตุ้นให้รู้สึกอยากกินจนไม่สนอะไร ส่งผลให้น้ำหนักขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ สถานการณ์เหล่านี้สามารถุนำไปสู่โรคหัวใจและโรคอื่นๆ เมื่อไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือนักบำบัด ควรจะต้องปรึกษาเรื่องการที่น้ำหนัลดโดยไม่มีสาเหตุด้วย
ใช้สารในทางที่ผิด
หลายคนอาจจะชอบดื่มเบียร์ ไวน์ หรือค็อกเทลกับเพื่อนๆ แต่การดื่มแอลกอฮอล์กับยาสำหรับผู้ที่เป็นโรคอารมณ์สองขั้วนั้นอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะอาจทำให้คุณหันไปใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เพื่อบรรเทาอาการซึมเศร้าหรือความคลุ้มคลั่งที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามสารเหล่านี้สามารถรบกวนความสามารถในการใช้ยาเกี่ยวกับดรคารมณ์สองขั้วได้ ทั้งยังอาจนำไปสู่การติดยาเสพติดและปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง หากคุณรู้สึกว่ายาที่ใช้สำหรับรักษาโรคไบโพลาร์ทำงานได้ไม่ดีพอ อย่าหันไปพึ่งแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด แต่ควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือนักบำบัด เพื่อหาทางออกที่เหมะาสม
อารมณ์แปรปรวนอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต้องเคยผ่านอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เป็นครั้งคราว แต่คนที่เป็นโรคไบโพลาร์อาจจะประสบกับอารมณ์แปรปรวน ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงจากอารมณ์ซึมเศร้าและเซื่องซึมเป็นร่าเริงและกระฉับกระเฉงภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งอารมณ์ที่แปรปรวนนี้อาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ประมาท เช่น การใช้จ่าย หรือการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน ดังนั้น เพื่อให้อารมณ์ของคุณมั่นคงอยู่เสมอ จึงควรไปปรึกษาแพทย์หรือนักบำบัด เมื่อคุณมีอารมณ์แปรปรวนอย่างรวดเร็ว
นอนหลับมากเกินไป
ภาวะซึมเศร้าแบบไบโพลาร์อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลงได้ หากการนอนหลับมากเกินไปทำให้คุณไม่สามารถทำงานหรือดูแลตัวเองได้ เช่น อาบน้ำ และทำอาหาร ให้ปรึกษาแพทย์หรือนักบำบัดเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยทั่วไปคนที่มีโรคอารมณ์สองขั้วจะนอนหลับนานกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันเป็นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ติดกัน ซึ่งอาการเช่นนี้จะเป็นสัญญาณของภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง
ความสามารถในการตัดสินใจบกพร่อง
ทั้งความบ้างคลั่งและความซึมเศร้าของโรคไบโพลาร์ ที่ทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน สามารถทำให้เสียความสามารในการตัดสินใจ โดยคนที่อยู่ในสภาวะคลั่งอาจตัดสินใจอย่างประมาททั้งในเรื่องของชีวิตส่วนตัวหรือธุรกิจต่างๆ ที่อาจนำไปสู่ผลกระทบด้านลบ เมื่อโรคอารมณ์สองขั้วนำไปสู่ทักษะในการตัดสินใจที่บกพร่องก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือนักบำบัด
หงุดหงิดผิดปกติ
James Phelps ผู้อำนวยการโครงการ Mood Disorders Program ที่ Samaritan Mental Health ในคอร์แวลลิส ออริกอนและผู้เขียนหนังสือ Bipolar กล่าวว่า การทำความเข้าใจกับอารมณ์แปรปรวนและภาวะซึมเศร้าของคุณถือเป็นเรื่องที่สำคัญ บางสถานการณ์อาจทำให้ความโกรธเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะควบคุมได้ และอาจจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าอารมณ์จะกลับมาปกติ ซึ่งเมื่อความโกรธเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอาจส่งผลให้คุณกลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลยก็ได้