ขี้ฟัน (Dental plaque) หรือ คราบจุลินทรีย์สีเหลือง ๆ บนชั้นเคลือบฟัน ที่หลายคนมักจะไม่ให้ให้ความสนใจ และคิดว่าคงไม่มีอันตรายอะไร แต่หากเราปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากต่าง ๆ ทั้งปัญหาฟันผุ เหงือกร่น หรือกลิ่นปากได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมารู้จักกับ ขี้ฟัน ว่าเกิดขึ้นจากอะไร และมีวิธีการใดที่จะปกป้องปากของเราให้ปราศจากขี้ฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขี้ฟัน คืออะไร
ขี้ฟัน หรือ คราบพลัค (Plaque) เป็นคราบจุลินทรีย์บาง ๆ ที่ก่อตัวขึ้นสะสมอยู่บนชั้นเคลือบฟัน มีลักษณะเหนียว ๆ ลื่น ๆ สีขาวหม่น หรือสีเหลืองอ่อน ๆ เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เมื่อคุณหายใจ กินอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือแป้งอยู่มาก เช่น นม น้ำผลไม้ น้ำหวาน ขนมปัง หรือข้าว คราบแบคทีเรียเหล่านี้ก็จะรวมตัวกัน กลายเป็นชั้นฟิล์มเหนียว ๆ ที่เรารู้จักกันในชื่อของขี้ฟัน ดังนั้น เราจึงมักจะสังเกตเห็นขี้ฟันได้ในทุกเช้าหลังตื่นนอน หรือหลังจากการรับประทานอาหาร แล้วไม่ได้แปรงฟันนั่นเอง
ขี้ฟันนี้คอยควบคุมความสมดุลของความสมดุลภายในช่องปาก เช่น ปล่อยกรดออกมาเพื่อช่วยย่อยสลายน้ำตาลภายในอาหาร และมักจะไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาอะไร แต่หากขี้ฟันนั้นเกิดการสะสมในปริมาณมาก เนื่องจากการดูแลรักษาสุขภาพของช่องปากและฟันไม่ดี คราบจุลินทรีย์เหล่านี้ก็อาจจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากได้
ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากขี้ฟัน
คราบแบคทีเรียในขี้ฟันนั้นจะเกาะอยู่บนชั้นเคลือบฟัน และรับน้ำตาลจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้จะสร้างกรดที่สามารถทำลายเคลือบฟัน ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ฟันผุ
- กลิ่นปาก
- เหงือกอักเสบ
- โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis)
- ฟันติดเชื้อ
- ฟันโยก
- รากฟันไม่แข็งแรง
หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้ฟันเสียหายอย่างรุนแรง และอาจจะจำเป็นต้องถอนฟันได้
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบความเกี่ยวข้องระหว่าง ปัญหาสุขภาพช่องปากกับโรคอื่น ๆ ทั้งโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคสมองเสื่อม รวมไปถึงการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าความเกี่ยวข้องนั้นอาจเป็นเพราะว่า เชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในช่องปาก อาจสามารถเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือด และทำร้ายอวัยวะที่สำคัญในร่างกายได้
วิธีลดปัญหาขี้ฟันอย่างมีประสิทธิภาพ
เราสามารถป้องกันปัญหาขี้ฟันได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- แปรงฟันเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือถ้าจะให้ดีคือ ทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกขนมหวานที่มีน้ำตาลเยอะ และควรแปรงฟันให้ถูกวิธี ประมาณครั้งละ 2 นาที
- ใช้ไหมขัดฟัน เพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง ควรขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง
- ใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อช่วยลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย
- ลดอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ลูกอม น้ำหวาน หรือขนมหวานต่าง ๆ นอกจากนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงน้ำอัดลม เพราะกรดจากน้ำอัดลมสามารถทำลายเคลือบฟันได้
นอกจากนี้ เราก็ควรที่จะไปตรวจสุขภาพของช่องปากและฟันเป็นประจำ อย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน เพื่อดูว่าเกิดปัญหาเกี่ยวกับช่องปากต่าง ๆ หรือไม่ และจะได้สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที ไม่กลายมาเป็นปัญหาที่จะทำร้ายฟันของเราต่อไปในภายหลัง