วิตามินบำรุงผิว ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินดี วิตามินเค และอื่น ๆ อาจช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่น ควัน ทำให้ผิวมีสุขภาพดี แข็งแรง ชุ่มชื้น และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งผิวที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากแสงแดดและรังสียูวีอีกด้วย
วิตามินบำรุงผิว มีอะไรบ้าง
ในทุก ๆ วันที่คุณออกไปทำงาน ไปเรียน แน่นอนว่าผิวหน้าจะต้องเจอกับแดด ฝุ่น ควันอย่างแน่นอน ซึ่งตัวการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้สุขภาพผิวหน้าของคุณนั้นแย่ลง การทาครีมบำรุงและครีมกันแดดอาจจะไม่เพียงพอต่อผิวหน้า จาการวิจัยชี้ว่า วิตามินบำรุงผิว และมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพผิวในหลาย ๆ ด้าน วิตามินหลายตัวมีส่วนช่วยให้ผิวหน้ามีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ซึ่งวิตามินเหล่านี้มีส่วนช่วยให้ผิวหน้ามีสุขภาพที่แข็งแรง
วิตามินเอ
เรตินอยด์ (Retinoids) หรือวิตามินเอ เป็นสารอาหารในกลุ่มเบต้าแคโรทีนที่พบได้ตามธรรมชาติ ซึ่งแหล่งของวิตามินเอที่ดีนั้นมีมากมาย เช่น แครอท ฟักทอง ผักใบเขียว และไข่ ครีมหลายตัวก็มีการเพิ่มวิตามินเอลงไปในส่วนผสม เพราะวิตามินเอมีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการหมุนเวียนของเซลล์ ซึ่งช่วยปรับปรุงพื้นผิว สีผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำให้ดีขึ้นได้ ที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการต่อสู้กับสิวและชะลอการเกิดริ้วรอย แต่เรตินอยด์เป็น วิตามิน ที่ช่วยเพิ่มความไวต่อแสงแดดได้
ดังนั้นหากมีการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอจำเป็นที่จะต้องทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด นอกจากนี้เรตินอยด์ยังทำให้ผิวแห้งได้ ดังนั้นควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีคุณภาพควบคู่กันไปด้วย
วิตามินซี
วิตามินซี ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างหนึ่ง ซึ่งช่วยลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งงานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า ความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นมีส่วนสำคัญในการเกิดริ้วรอย ดังนั้นตามทฤษฎีแล้ว หมายความว่าอาหารเสริมวิตามินซี อาจมีส่วนช่วยในการปรับปรุงสุขภาพผิวและชะลอการเกิดริ้วรอยของผิวได้ แต่อย่างไรก็ตามอย่างจำเป็นที่จะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนเหตุผลนี้
การใช้วิตามินซีนั้นไม่มีอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย แหล่งของวิตามินซีส่วนใหญ่นั้นอยู่ในผลไม้รสเปรี้ยวหลายชนิด และยังมีอยู่ในผักส่วนใหญ่ เช่น บร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก
วิตามินดี
วิตามินดีมีส่วนช่วยในการเผาผลาญของเซลล์ผิวหนัง ช่วยให้ผิวเติบโตและซ่อมแซมตัวเองได้ ดังนั้นหากร่างกายมีระดับวิตามินดีที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดปัญหาผิวหนังได้ แหล่งของวิตามินดีที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ นม ปลาแซลมอนและปลาทูน่า
นอกจากนี้วิตามินดียังมีส่วนช่วยในการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งการอักเสบเรื้อรังอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง สิวบางประเภทและโรคเรื้อนได้ จากการศึกษาหนึ่งในปี ค.ศ. 2010 พบว่าการใช้ครีมที่มีวิตามิน D และ E มีส่วนช่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้ (Atopic dermatitis)
วิตามินอี
วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยชะลอความชราที่เกิดจากอนุมูลอิสระ จากการวิจัยเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าอาหารเสริมวิตามินอี มีส่วนช่วยชะลอความแก่ของผิวได้
นอกจากนี้จากการศึกษาในปี ค.ศ. 2010 พบว่าการใช้วิตามินดีและครีมวิตามินอีเฉพาะที่ สามารถช่วยลดการเกิดโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้ และยังงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า วิตามินอีอาจมีส่วนช่วยในการรักษาบาดแผล โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับวิตามินซีและสังกะสี นอกจากนี้ยังอาจช่วยรักษาสิวและแผลกดทับได้อีกด้วย
วิตามินเค
วิตามินเค เป็น วิตามิน ที่มีความสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายรักษาบาดแผล รอยฟกช้ำและบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากการผ่าตัดได้ดีขึ้น นอกจากนี้วิตามินเคยังช่วยในการปรับปรุงสภาพผิวบางอย่างเช่น
สรุปสาระสำคัญ
จะเห็นได้ว่า วิตามิน เป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อสุขภาพผิวและการทำงานของร่างกาย หากร่างกายขาดวิตามินอาจทำให้เกิดผลเสียต่อผิวหนังได้ วิตามินซี และ วิตามินอี มีบทบาทสำคัญในการปกป้องผิวจากแสงแดด การขาดวิตามินอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจทำให้ผิวหนังถูกทำลายได้ง่ายขึ้นและอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
[embed-health-tool-heart-rate]