สิวอุดตัน คือ สิวที่เกิดขึ้นจากการอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว น้ำมัน และสิ่งสกปรกในรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นตุ่มสิวที่มีทั้งสิวหัวเปิดและสิวหัวปิด อาจเกิดขึ้นจากตัวกระตุ้นต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การมีผิวมัน การอยู่ในสภาพอากาศชื้น สิวอุดตันสามารถรักษาได้ด้วยวิธีการทางแพทย์ และการดูแลตัวเองเพื่อช่วยลดการเกิดสิว
สิวอุดตัน คืออะไร
สิวอุดตัน เป็นสิวที่สามารถพบได้บ่อย เกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วในรูขุมขน น้ำมัน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ จนเกิดเป็นตุ่มสิวเล็ก ๆ บนผิวหนัง หรือจุดสีขาวหรือดำบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและคาง ไม่มีการอักเสบ และไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ
ประเภทของสิวอุดตัน
สิวอุดตันสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ดังนี้
- สิวหัวดำ เป็นสิวหัวเปิดที่มีลักษณะเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ บนใบหน้า ไม่มีผิวหนังปกคลุม ทำให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขนสัมผัสกับอากาศและเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation) และเปลี่ยนเป็นสีดำ
- สิวหัวขาว เป็นสิวหัวปิดที่มีผิวหนังขึ้นมาปกคลุมสิวจนมิด ทำให้มองเห็นเป็นตุ่มสีขาว ๆ ที่มีเนื้อสิวภายใน
- ไมโครโคมีโดน (Microcomedones) เป็นสิวอุดตันขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
- มาโครโคมีโดน (Macrocomedones) เป็นสิวอุดตันหัวปิดที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่าประมาณ 2-3 มิลลิเมตร
- ไจแอนท์โคมีโดน (Giant Comedones) มีลักษณะเป็นก้อนสิวหัวดำขนาดใหญ่
- โซลาร์โคมีโดน (Solar Comedones) เป็นสิวไม่อักเสบที่เกิดขึ้นเนื่องจากรังสียูวี (UV) ส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวหนังหนาขึ้น และเกิดรอยย่นที่ดูคล้ายกับสิว มักเกิดขึ้นในบริเวณที่โดนแสงแดดเป็นเวลานาน เช่น แก้ม พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของสิวอุดตัน
สิวอุดตัน เกิดขึ้นเมื่อท่อไขมันและรูขุมขนอุดตันเนื่องจากสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ทำให้ซีบัม (Sebum) หรือไขมันที่ต่อมไขมันบนผิวผลิตขึ้นอุดตันอยู่ในรูขุมขน และเกิดเป็นสิว
ปัจจัยที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวอุดตัน อาจมีดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หากร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน (Testosterone) มากเกินไป ก็อาจส่งผลให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนได้
- การระคายเคืองของผิว สารเคมีบางอย่างที่พบในเครื่องสำอาง เช่น โพรไพลีน ไกลคอล (Propylene Glycol) ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
- การฉีกขาดของรูขุมขน เนื่องจากการสัมผัสกับผิวหนังอย่างรุนแรง เช่น การล้างหน้าอย่างรุนแรง การขัดผิว การบีบสิว การใช้สารเคมีลอกผิว
- การสูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่มักมีโอกาสเกิดสิวมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่อาจส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร และอาจเพิ่มโอกาสการเกิดสิวอุดตันได้
- การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาจเพิ่มโอกาสการเกิดสิวอุดตันได้ในผู้ป่วยบางราย
การรักษาสิวด้วยวิธีทางการแพทย์
สิวอุดตันสามารถรักษาได้ด้วยวิธีการ ดังต่อไปนี้
- เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) เป็นยารักษาสิวในรูปแบบของยาเจลหรือครีมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ 5% ใช้เพื่อช่วยลดปริมาณของแบคทีเรียบนผิวที่อาจทำให้เกิดสิว ยานี้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองเล็กน้อยเมื่อใช้ในช่วงแรก จากนั้นอาการระคายเคืองอาจลดลงเมื่อใช้ไปเรื่อย ๆ
- ยารูปแบบเจล เริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด ซับให้แห้ง และทายาบาง ๆ บริเวณที่มีสิว วันละ 1-2 ครั้ง สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายอาจใช้แค่วันละ 1 ครั้งก่อนนอน
- ยารูปแบบครีมล้างหน้า เริ่มจากล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด จากนั้นจึงล้างหน้าด้วยยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์รูปแบบครีมล้างหน้า นานประมาณ 1-2 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และซับหน้าให้แห้ง วันละ 1-2 ครั้ง
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ใช้สำหรับรักษาสิวระดับเบาถึงปานกลาง เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป ช่วยลดอาการอักเสบของสิว และช่วยเร่งให้สิวหายไวขึ้น โดยทายาบาง ๆ บริเวณสิว วันละ 1-2 ครั้ง ยานี้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง แสบ ผิวลอก และรอยแดงเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงเริ่มใช้ยา หากผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่หายไปหรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาคุณหมอ
- กรดอะเซลาอิก (Azelaic acid) ใช้เพื่อช่วยลดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน ช่วยลดอาการอักเสบ และช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวในบริเวณรูขุมขนให้เป็นปกติ วิธีใช้คือทายาบาง ๆ บนสิว วันละ 1-2 ครั้ง ในช่วงแรกอาจมีอาการระคายเคืองเล็กน้อย แต่มักจะหายไปเมื่อใช้ยาไปเรื่อย ๆ
- เรตินอยด์ (Retinoids) ใช้สำหรับรักษาสิวในระดับปานกลางถึงรุนแรง ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น เรตินอยด์สามารถช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และช่วยลดการเกิดสิวได้ โดยทายาบาง ๆ บริเวณสิว วันละครั้ง เรตินอยด์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง ผิวลอก หากมีอาการรุนแรงอาจเลี่ยงไปใช้ยาเรตินอยด์วันเว้นวัน หรือผสมยากับมอยเจอร์ไรเซอร์ก่อนทา
- การกดสิว โดยการใช้เข็มเจาะผิวแล้วบีบหรือใช้อุปกรณ์สำหรับกดสิว กดเพื่อให้หนองภายในสิวออกมา ควรทำโดยแพทย์เท่านั้น
- การบำบัดด้วยแสง เหมาะสำหรับสิวที่ไม่ตอบสนองกับการรักษาด้วยการใช้ยา โดยการฉายแสงเพื่อช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน
- การลอกผิว โดยใช้สารเคมี เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic acid) ทาบนผิว เพื่อเร่งให้ผิวชั้นนอกลอกออก ผลัดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ และช่วยทำให้ผิวเนียนขึ้น
- การบำบัดด้วยฮอร์โมน เพื่อช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายให้เป็นปกติ
การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันสิวอุดตัน
การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตัน สามารถทำได้ ดังนี้
- รักษาความสะอาดบนใบหน้า ด้วยการล้างหน้าเป็นประจำ เพื่อช่วยขจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกบนใบหน้า ควรระวังไม่ขัดถูใบหน้าแรงเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดรอยถลอก และเพิ่มโอกาสการเกิดสิวได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยรักษาความสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย และช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
- สระผมเป็นประจำ เนื่องจากสิ่งสกปรกและน้ำมันอาจตกค้างอยู่บนเส้นผมและหนังศีรษะ และทำให้เกิดสิวได้
- เลิกสูบบุหรี่
- เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที