การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัยและการรักษาท้องเสีย
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยอาการท้องเสีย
ในการวินิจฉัยสาเหตุของอาการท้องเสีย อาจมีวิธีการดังนี้
- การสอบถามประวัติ เช่น การใช้ยา การรับประทานอาหาร
- การตรวจร่างกาย เช่น ความดันโลหิต มีภาวะขาดน้ำหรือไม่ รวมไปถึงตรวจบริเวณท้องว่ามีก้อนเนื้อ ที่อาจเป็นสัญญาณของการเกิดอาการท้องเสียหรือไม่
- การตรวจอุจจาระ โดยเก็บตัวอย่างอุจจาระ เพื่อหาเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส
- การวัดค่าก๊าซไฮโดรเจน การทดสอบประเภทนี้ช่วยให้คุณหมอรู้ว่าผู้ป่วยมีอาการแพ้แลคโตสหรือไม่ หลังจากให้ผู้ป่วยดื่มของเหลวที่มีแลคโตสสูง แล้วคุณหมอจะวัดปริมาณไฮโดรเจนจากลมหายใจ หาก หายใจเอาไฮโดรเจนออกมากเกินแสดงว่าร่างกายย่อยและดูดซับแลคโตสได้ไม่ดี
- การตรวจเลือด โดยเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อหาความผิดปกติในค่าเลือดที่อาจเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย
- การส่องกล้อง โดยการนำกล้องขนาดเล็กเข้าไปทางปาก ผ่านหลอดอาหารลงไปภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้คุณหมอสามารถเห็นอวัยวะภายในที่ตรวจ และเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อมาเพื่อวินิจฉัยอาการของโรคเพิ่มเติม
การรักษาท้องเสีย
หากท้องเสียอาการไม่รุนแรงมากนัก อาจไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษา เนื่องจากอาการอาจจะบรรเทาตามลำดับ โดยผู้ที่มีอาการท้องเสียอาจรับประทานยา เช่น บิสมัท ซับซาลิไซเลต (Bismuth Subsalicylate) เป็นยาฆ่าเชื้อ โลเพอราไมด์ (Loperamide) ยารักษาอาการท้องร่วง รวมถึงควรดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ หรืออิเล็กโทรไลต์ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำในช่วงระหว่างวัน หากรักษาที่บ้านแล้วไม่ดีขึ้น คุณหมออาจแนะนำการใช้ยาหรือการรักษาอื่น ๆ เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือยาต้านปรสิต ที่อาจช่วยรักษาอาการท้องเสียที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิต นอกจากนี้หากอาการท้องเสียเกิดจากภาวะรุนแรง เช่น โรคลำไส้อักเสบ ผู้ป่วยอาจได้รับการส่งต่อการรักษาไปยังผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบทางเดินอาหารโดยตรง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย