กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis) เป็นการอักเสบบริเวณลำไส้ที่มักเกิดจากสาเหตุการติดเชื้อ หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า ไวรัสลงกระเพาะ การติดเชื้อส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส แต่อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิตได้เช่นกัน โดยเชื้อจะแพร่กระจายผ่านอาหารหรือน้ำ และทำให้เกิดการติดเชื้อในผู้ที่รับประทานเข้าไป ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องและปวดเกร็ง ท้องร่วง คลื่นไส้อาเจียน ดังนั้น การดูและสุขภาพและสุขอนามัยให้ดีอยู่เสสมอ จึงอาจช่วยป้องกันกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบได้
[embed-health-tool-bmi]
คำจำกัดความ
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ คืออะไร
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis) เป็นการอักเสบบริเวณลำไส้ที่มักเกิดจากสาเหตุการติดเชื้อ หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า ไวรัสลงกระเพาะ การติดเชื้อส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส แต่อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิตได้เช่นกัน โดยเชื้อจะแพร่กระจายผ่านอาหารหรือน้ำ และทำให้เกิดการติดเชื้อในผู้ที่รับประทานเข้าไป ซึ่งภาวะที่พบบ่อยเมื่อกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ คือ ภาวะขาดน้ำ เนื่องจากอาเจียนและท้องร่วง
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ พบได้บ่อยแค่ไหน
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบอาจพบได้บ่อยในทารก เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซี่งการป้องกันที่ดีคือ การล้างมือ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการ
อาการของกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้
- ปวดท้องและปวดเกร็ง
- ท้องร่วง
- คลื่นไส้อาเจียน
- น้ำหนักลด
- เป็นไข้
- หนาวสั่น
- ปวดศีรษะ
อาการอาจปรากฏให้เห็นหลังจากติดเชื้อไปแล้ว 1-3 วัน โดยส่วนใหญ่อาการจะคงอยู่ 1-2 วัน หรืออาจนานถึง 10 วัน นอกจากนี้ ยังอาจแสดงอาการอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้นได้เช่นกัน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการของโรคควรปรึกษาคุณหมอ
ควรไปพบหมอเมื่อใด
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเป็นอาการทางสุขภาพที่สามารถป้องกันและรักษาได้ อย่างไรก็ตาม หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ คุณควรไปพบคุณหมอ
- ถ่ายอุจจาระภายใน 24 ชั่วโมงหรือมีเลือดปน
- อาเจียนนานกว่า 2 วันหรืออาเจียนเป็นเลือด
- มีภาวะขาดน้ำ เช่ร กระหายน้ำ ปากแห้ง ปัสสาวะเหลือง ไม่ปวดหรือปวดปัสสาวะน้อย
- มีไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า
สำหรับทารกและเด็ก หากเกิดอาการดังนี้ ควรรีบพาไปพบคุณหมอ
- มีไข้สูงถึง 38.9 องศาเซลเซียส
- หงุดหงิดหรือไม่สบายตัว
- เหนื่อยอ่อนหรืออ่อนแรง
- ถ่ายเป็นเลือด
- เกิดภาวะขาดน้ำ
- อาเจียนติดต่อกันหลายชั่วโมง
- ไม่ปัสสาวะในเวลา 6 ชั่วโมง
- การนอนหลับผิดปกติ
สาเหตุ
สาเหตุของกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิต เชื้อเหล่านี้มักเจือปนมากับอาหารหรือน้ำดื่ม เมื่อดื่มน้ำหรือรับประทานทานอาหารเหล่านั้นก็จะได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
สำหรับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคที่พบได้บ่อย คือ โนโรไวรัส (Norovirus) และโรต้าไวรัส (Rotavirus) ในบางกรณี กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบก็อาจเกิดจากแบคทีเรียได้เช่นกัน โดยเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค คือ อีโคไล (E. Coli) และซาลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งเจือปนอยู่ในอาหารหรือไข่ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ อาจมีดังนี้
- ทารก เด็ก และผู้สูงอายุ ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อ
- ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งภาวะที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่ำได้แก่ ติดเชื้อเอชไอวี เอดส์ เข้ารับเคมีบำบัด
- น้ำที่ไม่สะอาด หากบริเวณที่อยู่อาศัยมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาด ก็อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบมากขึ้น
- สุขอนามัยไม่ดี โดยเฉพาะการไม่ล้างมือเป็นประจำ อาจทำให้เสี่ยงที่จะได้รับเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
คุณหมออาจทำการตรวจวินิจฉัยโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ดังนี้
- ซักประวัติและตรวจร่างกาย
- ตรวจอุจจาระ เพื่อหาเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิต
การรักษากระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
วิธีการรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ อาจทำได้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ และการรักษาภาวะขาดน้ำ โดยคุณหมออาจสั่งยาเพื่อบรรเทาอาการของโรค ในกรณีที่โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หรือในบางกรณีคุณหมออาจสั่งยาปฏิชีวนะให้ใช้เพื่อบรรเทาอาการของโรค
หากสงสัยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ อาจปฏิบัติตัวดังนี้
- หยุดรับประทานอาหาร 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้กระเพาะอาหารได้พักการทำงาน
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- เริ่มรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก กล้วย
- หลีกเลี่ยงนม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ อาหารหนักหรือย่อยยาก
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับพฤติกรรมหรือการดูแลตัวเองที่ช่วยรับมือกับโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
การปรับพฤติกรรมหรือการดูแลตัวเองต่อไปนี้ อาจช่วยรับมือกับโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจากการเข้าห้องน้ำ
- รับประทานอาหารอ่อนเพื่อให้ย่อยง่าย
- หยิบหรือส่งอาหารอย่างถูกสุขอนามัย
หากมีคำถามเกี่ยวกับโรค ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อให้เข้าใจวิธีการรักษาที่ดีที่สุด