ลูกท้อ หรือ ลูกพีช เป็นพืชเมืองร้อนที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร สุขภาพหัวใจ สุขภาพผิว เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาจช่วยลดอาการภูมิแพ้ รวมถึงยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานลูกท้อในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ
[embed-health-tool-bmr]
คุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารของลูกท้อ
ลูกท้อ 1 ถ้วย ปริมาณ 168 กรัม เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินเค แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และยังมีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้
- พลังงาน 65.5 แคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 16 กรัม
- น้ำตาล 14.10 กรัม
- ไฟเบอร์ 2.52 กรัม
- โปรตีน 1.53 กรัม
- ไขมัน 0.42 กรัม
นอกจากนี้ ลูกท้อสุกยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย ชะลอความเสื่อมสภาพของผิวหนังตามอายุ และอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็ง
ประโยชน์ของลูกท้อ
-
เสริมสร้างระบบย่อยอาหาร
ลูกท้อมีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งอาจช่วยให้อาหารเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ดีขึ้น และเพิ่มมวลอุจจาระช่วยให้ขับถ่ายง่าย ลดอาการท้องผูก โดยงานวิจัยหนึ่งในวารสาร World Journal of Gastroenterology ปี พ.ศ. 2555 ทำการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการบริโภคใยอาหารและอาการท้องผูก โดยรวบรวมผลงานวิจัยและบทความที่เกี่ยวข้องจำนวน 1,322 ชิ้น พบว่าการบริโภคใยอาหาร เช่น สารสกัดจากพืช ธัญพืช รำข้าว สามารถเพิ่มความถี่ในการถ่ายของผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูกได้
-
สุขภาพหัวใจ
งานวิจัยในวารสาร Academy of Nutrition and Dietetics ปี พ.ศ. 2556 ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในเลือดและฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) และสติลบีน (Stilbene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้ ผัก และถั่ว โดยมีผู้ร่วมทดลอง 1,393 คน พบว่าลูกท้อ ลูกพีช แอปเปิล ลูกแพร์ อุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์และสติลบีน ที่อาจช่วยลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูงและลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด โดยเฉพาะในผู้หญิงอย่างมีนัยสำคัญ
-
สุขภาพผิว
สารสกัดจากเมล็ดหรือดอกลูกท้ออาจช่วยลดความเสื่อมของผิวจากรังสียูวี และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นบนผิว จากการวิจัยและทดลองในวารสารการแพทย์ Current Medicinal Chemistry ปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า ลูกท้อมีเซราไมด์ (Ceramides) ซึ่งเป็นน้ำมันในผิวตามธรรมชาติ ที่สามารถช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวเรียบเนียนมีสุขภาพดี
-
อาจช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
ลูกท้อมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น วิตามินซี โพลีฟีนอล (Polyphenol) แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ที่อาจมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียได้ จากงานวิจัยในวารสาร Food Chemistry Volume 204 ปี พ.ศ.2559 พบว่า สารต้านอนุมูลอิสระในลูกท้ออาจช่วยต้านเชื้อสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) เชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจีเนส (Listeria monocytogenes) นอกจากนี้ อาจยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราแคนดิดา (Candida albicans) ได้อีกด้วย
-
อาจลดอาการภูมิแพ้
ฮีสตามีน (Histamines) เป็นสารเคมีที่ร่างกายหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น คัน ไอ จาม ผื่นการวิจัยในวารสาร Natural Product Communications เกี่ยวกับฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารไซยาโนเจน (Cyanogenic) และฟีนอลไกลโคไซด์ (Phenolic glycosides) จากเมล็ดของลูกท้อ ปี พ.ศ. 2556 พบว่า ไซยาโนเจนและฟีนอลไกลโคไซด์เป็นสารประกอบที่พบได้ในเมล็ดพืชบางชนิด เช่น ลูกท้อ เชอร์รี่ แอปริคอต อัลมอนด์สารสกัดจากเมล็ดของลูกท้อนี้อาจช่วยยับยั้งการหลั่งของฮีสตามีนในเลือด และช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้
-
อาจลดความเสี่ยงของมะเร็ง
ลูกท้อเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ จากการวิจัยในวารสาร Molecular and Cellular Biochemistry เกี่ยวกับกรดคาเฟอีนต่อการเพิ่มจำนวนเซลล์มะเร็ง ปี พ.ศ. 2554 และการวิจัยในวารสาร Cellular Biochemistry เกี่ยวกับลูทีน ไลโคปีน ในการป้องกันมะเร็ง ปี พ.ศ. 2558 ระบุว่า เปลือกและเนื้อลูกพีชอุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ลูทีน (Lutein) ไลโคปีน (lycopene) และกรดคาเฟอีน (Caffeic acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจมีคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็งได้
ข้อควรระวังในการบริโภคลูกท้อ
ความเสี่ยงต่อสุขภาพเมื่อรับประทานลูกท้อที่อาจเกิดขึ้น มีดังนี้
- ลูกท้อมีสารซาลิไซเลต (Salicylates) และอะมิกดาลิน (Amygdalin) เป็นสารที่อาจทำให้บางคนอาจมีอาการแพ้ได้ เช่น บวมและคันบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ อาเจียน ท้อเสีย
- ลูกท้อมีน้ำตาลหมัก (Fermentable sugar) ที่ลำไส้เล็กอาจดูดซึมได้ไม่ดี ทำให้น้ำตาลหมักถูกลำเลียงและสะสมในลำไส้ใหญ่และปล่อยก๊าซออกมา ดังนั้น การรับประทานลูกท้อมากเกินไปจึงอาจทำให้มีอาการท้องอืดได้