เกสรผึ้ง (Bee Pollen) คือละอองเล็ก ๆ ลักษณะคล้ายแป้งที่หลุดออกมาจากช่อเกสรตัวผู้ของดอกไม้ โดยละอองเหล่านั้นจะติดอยู่กับอวัยวะบริเวณขาของผึ้งขณะที่กำลังเกาะกับเกสรของดอกไม้ และผึ้งจะนำละอองที่ได้กลับไปเก็บไว้ที่รังของตนเอง เพื่อใช้ในการเลี้ยงตัวอ่อนของผึ้ง เกสรผึ้งมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ หลายชนิด เช่น โปรตีน วิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น ลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรัง ต้านการอักเสบ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
[embed-health-tool-bmi]
คุณค่าทางโภชนาการของ เกสรผึ้ง
เกสรผึ้งประกอบไปด้วยสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้
- สารชีวภาพจำนวน 250 ชนิด
- มีโปรตีนประมาณ 35%
- วิตามินจำนวน 16 ชนิด ได้แก่ กลุ่มวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค วิตามินดี และกลุ่มวิตามินบี
- คาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีการค้นพบว่าในเกสรผึ้งนั้นมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 40%
- น้ำ 5-10% และไขมัน 5%
ประโยชน์ของเกสรผึ้ง
เกสรผึ้งมีประโยชน์ต่อร่างกายในการส่งเสริมสุขภาพดังรายละเอียดต่อไปนี้
อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
เกสรผึ้งประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) เควอซิทิน (Quercetin) แคมพ์เฟอรอล (Kaempferol) และกลูตาไธโอน (Glutathione) มีส่วนช่วยปกป้องร่างกายจากกลุ่มโมเลกุลที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรืออนุมูลอิสระ การบริโภคเกสรผึ้งซึ่งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงอาจช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวานชนิดที่ 2
อาจช่วยบำรุงหัวใจและระบบหมุนเวียนเลือด
เกสรผึ้งประกอบไปด้วยสารอาหาร วิตามิน แร่ธาต และสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ การบริโภคเกสรผึ้งจึงอาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง และบำรุงหัวใจ
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพและประโยชน์ต่อสุขภาพของเกสรผึ้ง เผยแพร่ในวารสาร Nutrients พ.ศ.2564 ระบุว่า เกสรผึ้งประกอบไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ วิตามิน กรดอะมิโนจำเป็น ลิปิด และสารโพลิฟีนอล (Polyphenols) เหมาะสำหรับการบริโภคเป็นประจำทุกวันเพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง รวมทั้งอาจมีส่วนช่วยบำรุงหัวใจ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสเสี่ยงเกิดโรคต่าง ๆ อีกทั้งช่วยให้เลือดไหลเวียนได้เป็นปกติ และป้องกันอาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
อาจช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
เกสรผึ้งมีสารฟลาโวนอยด์ซึ่งมีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง การบริโภคเกสรผึ้งจึงอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ และช่วยลดโอกาสในการเจ็บป่วย
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับสารฟลาโวนอยด์ในเกสรผึ้งต่อการรักษาอาการภูมิแพ้และระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เผยแพร่ในวารสาร Iran J Allergy Asthma Immunol พ.ศ. 2560 ระบุว่า มีการใช้เกสรผึ้งในการรักษาไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ แผลพุพอง โดยมีสารฟลาโวนอยด์เป็นสารประกอบชีวภาพหลักที่มีส่วนสำคัญในการป้องกันโรคต่าง ๆ เกี่ยวกับภูมิแพ้ และโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน นักวิจัยได้ให้ข้อเสนอแนะว่า เกสรผึ้งเป็นสารประกอบชีวภาพที่ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อใช้ประโยชน์จากสารประกอบอย่างฟลาโวนอยด์เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมนุษย์ต่อไป
อาจช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
เกสรผึ้งมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและนำสารอาหารเหล่านั้นไปใช้ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะสารอาหารจำพวกแคลเซียม ธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัส จึงเป็นการช่วยเพิ่มสมรรถภาพของระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพ การบริโภคเกสรผึ้งจึงอาจช่วยให้การควบคุมน้ำหนักได้ผลดีขึ้น
ข้อควรระวังในการบริโภคเกสรผึ้ง
แม้ว่าเกสรผึ้งจะมีคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีงานวิจัยจำนวนมากพอที่ช่วยยืนยันถึงประสิทธิภาพของเกสรผึ้งในการใช้เพื่อเป็นยารักษาโรค ดังนั้น ก่อนบริโภคเกสรผึ้งเพื่อใช้สรรพคุณทางยาจึงควรขอคำแนะนำและปรึกษาคุณหมอเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และผู้ที่มีโรคประจำตัว
สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ โดยเฉพาะอาการแพ้เกสรดอกไม้ อาจมีอาการแพ้ที่รุนแรง หายใจถี่ ลมพิษ หรือมีอาการบวม จึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเกสรผึ้ง