สูตรข้าวต้มหมูสับ

สูตรข้าวต้มหมูสับ เมนูที่ทำง่ายและรสชาติอร่อย ทานได้ทุกคนในครอบครัว ข้าวต้มหมูสับ เหมาะมากสำหรับใครที่กำลังไม่สบาย เจ็บคอ หรือเป็นไข้เพราะสามารถซดน้ำซุปร้อนๆได้ และ ข้าวต้มหมูสับ ยังสามารถนำมาทำรับประทาน เป็นเมนูประจำมื้อ เช่น อาหารเช้า กลางวัน หรือมื้อเย็น ได้อีกด้วย การซดน้ำซุปอุ่นๆ ครบคุณค่าจากหมูสับ จะช่วยให้อาการป่วยของคุณดีขึ้นและอื่มเบา ๆ สบายท้อง

ในเมนูนี้คุณจะได้ประโยชน์จากข้าวและหมู หากคุณลองเปลี่ยนจากข้าวสวยหอมมะลิ เป็นข้าวกล้องหรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ ก็จะทำให้เมนูนี้ดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น ซึ่ง ข้าวต้มหมูสับ เพียง 1 ถ้วย (350 กรัม) ให้พลังงานทั้งหมด 228 แคลอรี่ มีโปรตีน 14.7 กรัม คาร์โบไฮเดรต 32.6 กรัม และไขมัน 4.2 กรัม เรามาดูประโยชน์ของเนื้อหมูและข้าวกันค่ะ

ประโยชน์ที่ได้จาก ข้าวต้มหมูสับ

แน่นอนว่า ข้าวต้มหมูสับ ส่วนผสมหลักก็จะต้องมีข้าวและเนื้อหมู ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ในขณะเดียวกันก็มีข้อควรระวังที่คุณควรต้องรู้อีกด้วย และนี่คือประโยชน์ของข้าว เนื้อหมู และข้อควรระวัง

ประโยชน์ของข้าวและข้อควรระวัง

ข้าว ถือเป็นส่วนผสมสำคัญของการทำ ข้าวต้มหมูสับ ซึ่งข้าวขาวที่ผ่านการขัดสี อุดมไปด้วยวิตามิน เช่น โฟเลต และผู้ที่กินอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกรดไหลย้อน การกินข้าวขาวจะทำให้ย่อยง่าย และไม่ทำให้มีอาการแสบร้อนทรวงอก หรืออาการคลื่นไส้

เพิ่มเติมไปกว่านั้น ถ้าคุณชอบกินข้าวกล้อง การกินข้าวกล้องก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน และข้าวกล้องยังดีต่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักด้วย

ประโยชน์ของเนื้อหมูและข้อควรระวัง

นอกจากข้าวแล้ว เนื้อหมู ก็เป็นอีกหนึ่งส่วมผสมสำคัญของ ข้าวต้มหมูสับ เนื้อหมูมีโปรตีนสูง ซึ่งโปรตีนจำเป็นต่อการทำงานของทุกส่วนในร่างกาย โดยหมู 100 กรัมจะมีโปรตีน 25.7 กรัม ถ้ายิ่งใส่เนื้อหมูในข้าวต้มมาก ก็จะยิ่งได้รับโปรตีนมากขึ้น แต่ข้อควรระวัง คือ ควรเลือกซื้อเนื้อหมูไร้ไขมัน ประโยชน์ของการกินเนื้อหมู คือ จะช่วยทำให้คุณได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า คนเราควรได้รับโปรตีน ประมาณ 0.8-1.0 กรัมต่อกิโลกรัม เช่น คุณน้ำหนัก 70 กิโลกรัมก็ควรได้รับโปรตีน 70 กรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม หลายคนกังวลว่าการกินเนื้อหมูอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ เพราะมีงานวิจัยที่ให้ข้อมูลว่า โรคหัวใจมีส่วนเชื่อมโยงกับการกินหมูเนื้อแดง ดังนั้น ถ้าคุณเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ และอาจควบคุมปริมาณการกิน และไม่ควรกินเนื้อหมูมากจนเกินไป เช่น กินหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู เป็นประจำ