หลังจากที่มีมาตรการเข้มงวดเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ทุกคนต่างตั้งตารอปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่หลายคนคาดหวังไว้ว่าสถานการณ์อาจจะเริ่มกลับมาเป็นปกติอันเนื่องมาจากการฉีดวัคซีน แต่แล้วในเดือนพฤศจิกายน 2021 โลกต้องตกตะลึงเมื่อองค์กรอนามัยโลก (WHO) รายงานว่ามีโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวล หรือ โอมิครอน (Omicron) ที่กำลังเริ่มระบาดอย่างแพร่หลาย หลังจากนั้นไม่นานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
แม้ว่าโอมิครอนจะเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่รุนแรงเท่าเดลต้า อย่างไรก็ตามทุกคนควรจะทราบอาการที่สำคัญและเตรียมพร้อมรับมืออยู่ตลอดเวลา โดยบทความนี้ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์โอมิครอน และแนวทางให้คุณและครอบครัวในการเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดของสายพันธุ์นี้
อาการหลักที่พบในผู้ติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)
ด้านที่โชคดีคือ โควิดสายพันธุ์โอมิครอนนั้นเป็นที่ยอมรับกันว่ามีความรุนแรงของอาการป่วยน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า โดยส่วนมากมักจะแสดงอาการจำกัดในบริเวณช่องคอและจมูก มากกว่าที่จะแสดงอาการที่ปอด อาการจะเหมือนไข้หวัดทั่วไป ซึ่งอาจส่งผลให้คนไม่ตระหนักว่าตัวเองติดเชื้อ COVID-19 ทั้งนี้ ZOE COVID Study app (December, 2021) รายงานถึง 5 อาการที่คล้ายคลึงกับไข้หวัด ได้แก่ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย จาม และเจ็บคอ โดยข้อมูลชี้ให้เห็นว่าอาการมักจะแสดงออกอย่างชัดเจนหลังจากติดเชื้อไวรัสไปแล้วเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
เจ็บคอ – อาการสำคัญที่ควรเฝ้าระวัง
โอมิครอน อาการเป็นยังไง? การศึกษา ZOE ชี้ว่าผู้ป่วยเกือบ 6 ใน 10 ที่ติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีอาการเจ็บคอ และเกือบ 50% ของคนกลุ่มนี้ที่มีอายุ 18-65 ปี มีอาการเจ็บคอเป็นส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับผู้สูงวัยหรือคนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี (40% หรือ น้อยกว่า) นอกจากนี้อาการเจ็บคอถือว่าเป็นอาการเบื้องต้นที่พบบ่อยหลังติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน
โอมิครอน ตรวจ ATK เจอไหม? เมื่อพิจารณาจากลักษณะของอาการแล้ว สิ่งที่จะยืนยันการติดเชื้อ COVID ได้เท่านั้นคือการทดสอบด้วยชุดทดสอบ COVID-19 rapid antigen kit (ATK) และ polymerase chain reaction (PCR, หรือ RT- PCR) และตามด้วยแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพที่กำหนดขึ้น
วิธีเตรียมตัวรับมือกับอาการของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ถึงแม้ว่าอาการจะไม่รุนแรง แต่โอมิครอนระยะฟักตัวสามารถแพร่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากคุณมีอาการที่สงสัยว่าคุณอาจจะติดเชื้อ คุณควรที่จะแยกตัวออกมาและทำการตรวจโดยทันที
เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ โดยเฉพาะน้ำอุ่น หากต้องกักตัวก็ควรมียาบรรเทาอาการเจ็บคอไว้ใกล้ตัวเช่นกัน ปรึกษาเภสัชกรขอคำแนะนำยาที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอจากการอักเสบ เช่น ในรูปแบบของเม็ดอม สเปรย์ หรือยากลั้วคอ นอกจากนี้ อาจจะเตรียมยาแก้ปวดด้วย เช่น พาราเซตามอล หรือ ไอบูโพรเฟน รวมถึงการมีเครื่องวัดอุณหภูมิและเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วติดตัวไว้ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ
หากอาการเจ็บคอของคุณมีความรุนแรงขึ้นหรือเป็นอยู่นานถึง 4-5 วัน อย่าลังเลที่จะรีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และหากคุณมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือโรคไต หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น โรคอ้วน ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยทันที
จะทำอย่างไรเพื่อป้องกันตัวเองจากโอมิครอน
หากมีคนที่บ้านติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน ควรกำหนดพื้นที่ที่ต้องใช้งานร่วมกันและเตรียมผลิตภัณฑ์สำหรับฆ่าเชื้อเพื่อให้พร้อมหยิบใช้ได้ทันที
การสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ใช้เจลล้างมือ ใส่ถุงมือ เว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) และอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ล้วนแล้วเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเองจากติดเชื้อ COVID สายพันธุ์โอมิครอน การเพิ่มภูมิคุ้มกัน การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็มีส่วนช่วยเป็นเกราะป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามหากใครยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกัน หรือฉีดเข็มกระตุ้น แนะนำให้รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนตามคำแนะนำให้เร็วที่สุด
ดูแลตัวคุณเองและผู้อื่นให้ปลอดภัยด้วยการเตรียมไอเทมสำคัญที่ควรมีไว้ติดบ้าน
- หน้ากากอนามัย
- เจลล้างมือ
- ถุงมือ
- ยาอมบรรเทาอาการเจ็บคอ
- ยาแก้ไอ
- ปรอทวัดไข้หรือเครื่องวัดอุณหภูมิ
- ยาแก้ปวด
หากมีข้อกังวลใดๆ เกี่ยวกับอาการของตนเอง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร รวมถึงควรใช้ยาทุกชนิดตามที่ระบุในฉลากยาและเอกสารกำกับยา
อาการเจ็บคอเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณบอกความผิดปกติของร่างกาย และเป็นอาการเบื้องต้นของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ได้เช่นกัน