หลอดลมโป่งพอง (Bronchiectasis) เป็นภาวะที่หลอดลมบริเวณปอดถูกทำลายอย่างถาวร และขยายตัวขึ้นอย่างผิดปกติ ทำให้เชื้อแบคทีเรียและเยื่อมูก มีโอกาสสะสมในปอด และเกิดการติดเชื้อและการอุดตันในระบบทางเดินหายใจ
คำจำกัดความ
หลอดลมโป่งพอง คืออะไร
หลอดลมโป่งพอง (Bronchiectasis) เป็นภาวะที่หลอดลมบริเวณปอดถูกทำลายอย่างถาวร และขยายตัวขึ้นอย่างผิดปกติ ทางเดินหายใจที่ถูกทำลายนี้ ทำให้เชื้อแบคทีเรียและเยื่อมูก มีโอกาสสะสมในปอด สุดท้าย เมื่อแบคทีเรียและเยื่อมูกผ่านกลไกการป้องกันของปอด จะเกิดการติดเชื้อและการอุดตันในระบบทางเดินหายใจ
โรคหลอดลมโป่งพองเกิดขึ้น เมื่อผนังของหลอดลมหนาขึ้นจากการอักเสบเรื้อรัง และ/หรือการสะสมของเยื่อมูก
โรคหลอดลมโป่งพองไม่สามารถรักษาได้ แต่ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ หากเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม อาการกำเริบต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วน เพื่อไม่ให้ส่วนอื่นๆ ของร่างกายสูญเสียออกซิเจน
โรคหลอดลมโป่งพองพบบ่อยแค่ไหน
ในประเทศอังกฤษ ประมาณ 2-3 คนจาก 1,000 คน เป็นโรคหลอดลมโป่งพอง ในความเป็นจริง อาจมีจำนวนมากกว่า เนื่องจากมีแนวคิดว่าผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับปอดเป็นระยะเวลานาน อาจจะเป็นโรคหลอดลมโป่งพองด้วยเช่นกัน อัตราการเกิดโรคหลอดลมโป่งพองมีในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย แม้แต่วัยเด็ก แต่มักจะพบบ่อยในกลุ่มผู้ใหญ่ ควรปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการ
อาการของโรคหลอดลมโป่งพอง
อาการของโรคหลอดลมโป่งพองที่พบบ่อย ได้แก่
- ไอมีเสมหะเหลืองหรือเขียวปนทุกวัน
- หายใจสั้นและมีอาการแย่ลงระหว่างการกำเริบของโรค
- รู้สึกเหนื่อยหรือหมดแรง โดยเฉพาะในช่วงที่อาการกำเริบ
- มีไข้ และ/หรือ หนาวสั่น มักเกิดขึ้นระหว่างการกำเริบของโรค
- มีเสียงหวีดหรือเสียงลมขณะหายใจ
- ไอเป็นเลือดหรือมีมูกปนกับเลือด ซึ่งอาการนี้เรียกว่า ไอเป็นเลือด
- เจ็บหน้าอก
- รอยเขียวบริเวณผิวหนัง
- น้ำหนักลด
- อ่อนเพลีย
- หนังใต้เล็บมือเล็บเท้าหนาขึ้น
อาจมีอาการอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีความกังวลเรื่องอาการของโรคโปรดปรึกษาแพทย์
ควรพบหมอเมื่อไร
หากคุณสังเกตสัญญาณหรือมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละคนแสดงอาการได้แตกต่างกัน วิธีที่ดีสุดคือการเข้าพบหมอ
สาเหตุ
สาเหตุของโรคหลอดลมโป่งพอง
- การติดเชื้อที่ปอด เป็นสาเหตุของโรคหลอดลมโป่งพองที่พบบ่อยที่สุด รวมถึงการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ และการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อสแตฟิโลคอกคัส (staph) หรือ วัณโรค
- ภูมิคุ้มกันทางด้านฮิวเมอรัลต่ำ (ระดับของโปรตีนในเลือดในการต้านการติดเชื้อต่ำ
- กลุ่มโรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร (โรคโครห์นและโรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล)
- กลุ่มโรคเกี่ยวกับรูมาตอยด์ (โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคโจเกรน)
- ถุงลมโป่งพองจากการขาด อัลฟ่า-1 (Alpha1-antitrypsin deficiency) ที่เป็นสาเหตุทางพันธุกรรมของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในบางคน
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
- การติดเชื้อเอชไอวี ระดับภูมิคุ้มกันที่ต่ำทำให้เกิดโรคติดเชื้อต่างๆ ที่สามารถนำไปสู่การเป็นโรคหลอดลมโป่งพองได้
- โรคกรดไหลย้อน (GERD)
- โรคภูมิแพ้ทางระบบทางเดินหายใจ เป็นอาการโรคภูมิแพ้ทางการอักเสบของปอดชนิดหนึ่ง
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดลมโป่งพอง
การเกิดโรคหลอดลมโป่งพองมีหลายปัจจัย เช่น
- ภาวะขาดโปรตีน CFTR หรือการทำงานของโปรตีน CFTR บกพร่องในหลอดลมเนื่องจากอาการโรคซิสติก ไฟโบรซิส (CF)
- เป็นโรคที่ส่งผลต่อระบบทั่วไปของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดลมโป่งพองตามอาการที่กล่าวไว้ข้างต้น
- การติดเชื้อที่ปอดอย่างรุนแรงหรือเรื้อรัง (เช่น วัณโรค ซึ่งทำลายระบบทางเดินหายใจ)
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถแทนคำปรึกษาทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยโรคหลอดลมโป่งพอง
- ฟังเสียงปอด เพื่อตรวจว่ามีเสียงที่ผิดปกติหรือมีสิ่งที่อุดกั้นทางเดินอากาศ
- การตรวจเลือด เพื่อบ่งชี้ภาวะติดเชื้อ
- การตรวจเสมหะ เพื่อหาเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
- การเอกซเรย์ปอดหรือซีทีสแกน เพื่อดูภาพของปอด
- การทดสอบการทำงานของปอด เพื่อตรวจการไหลเวียนของอากาศในปอด
- การตรวจคัดกรองวัณโรค (PPD)
- การตรวจโดยใช้แอนติเจนเพื่อหาเชื้อแอสเพอร์จิลลัส (Aspergillus precipitins) และระดับค่าอิมมูโนโกลบูลิน เพื่อวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ ทางระบบทางเดินหายใจ (ABPA)
- การตรวจหาโรคแพ้ภูมิตัวเอง
การรักษาโรคหลอดลมโป่งพอง
ยังไม่มีการรักษาโรคหลอดลมโป่งพองที่แน่นอน หากเข้ารับการรักษาโดยเร่งด่วน จะสามารถควบคุมอาการของโรคได้ จุดมุ่งหมายของการรักษาคือ การควบคุมการติดเชื้อและการหลั่งสารในหลอดลม สิ่งที่สำคัญคือการป้องกันไม่ให้เกิดการขีดขวางในระบบทางเดินหายใจ และลดอันตรายที่เกิดขึ้นกับปอด
- การรักษาโรคหลอดลมโป่งพอง ด้วยยาปฏิชีวนะเป็นการรักษาโดยทั่วไปเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ปอด
- แมคโครไลด์ (Macrolides) เป็นยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่งที่ไม่เพียงฆ่าเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะแต่ยังสามารถลดการอักเสบในหลอดลมได้
- การให้ยาละลายเสมหะ มักให้ในรูปแบบยาพ่นฝอยละอองที่มีส่วนผสมของสารละลายน้ำเกลือไฮเปอร์โทนิค พ่นและสูดดมเข้าไปในปอด การรักษาประเภทนี้ช่วยละลายเสมหะในหลอดลม ทำให้ไอเอาเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น
- การใช้อุปกรณ์ละลายเสมหะ อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยจัดการกับเสมหะ โดยช่วยให้ผู้ป่วยหายใจออกไปโดยใช้เครื่องที่ถือและทำให้เกิดการสั่นของอากาศในหลอดลมเพื่อเป็นการละลายเสมหะ มีอุปกรณ์อื่นๆ ที่สามารถใส่ได้และช่วยทำให้หน้าอกสั่นเพื่อขับเสมหะ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์เหล่านี้
- การรักษาด้วยการให้ออกซิเจน
- การเข้ารับการดูแลในโรงพยาบาล เนื่องจากการกำเริบของโรคที่รุนแรง
- การรักษาโดยการผ่าตัด
- การรักษาโดยการใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์
- การให้อาหารเสริม
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์หรือการเยียวยาโรคหลอดลมโป่งพองด้วยตนเอง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือการรักษาอาการด้วยตนเอง เพื่อช่วยในการรับมือกับโรคหลอดลมโป่งพอง มีดังนี้
- ควรเข้ารับการรักษาทันที เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้อาการหลอดลมโป่งพองกลายเป็นการติดเชื้อที่ปอด
- หากออกไปข้างนอก ควรหลีกเลี่ยงมลภาวะทางอากาศและปกป้องปอดของคุณจากควันพิษต่างๆ
- เลิกสูบบุหรี่เห็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพปอดโดยรวม
- เด็กๆ ควรได้รับวัคซีนต้านเชื้อไข้หวัดใหญ่ ไอกรนและ โรคหัด เนื่องจากโรคเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องต่อภาวะของร่างกายเมื่อโตขึ้น
หากมีคำถามเกี่ยวกับโรค ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความเข้าใจในวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด