เมื่อเป็น โรคเบาหวาน แผล อาจหายช้ากว่าคนทั่วไป เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติจะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือด ทำให้ออกซิเจนและแร่ธาตุถูกส่งไปซ่อมแซมบาดแผลได้ไม่ดีพอ นอกจากนี้ เมื่อแผลหายช้าอาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงติดเชื้อมากกว่าปกติและอาจนำไปสู่การเป็นโรคกระดูกอักเสบติดเชื้อ และภาวะการติดเชื้อในเลือด ดังนั้น เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรดูแลตนเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด
[embed-health-tool-bmi]
โรคเบาหวาน คืออะไร
โรคเบาหวาน ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเรื้อรัง มีสาเหตุมาจากการทื่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินลดลงหรือเซลล์ในร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินบกพร่องไป ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ นำไปสู่โรคเบาหวาน และหากปล่อยไว้ ไม่ควบคุมเบาหวานให้ดี อาจทำให้หลอดเลือดเสียหาย และเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจ โรคไตเรื้อรัง ไขมันในเลือดสูง เส้นประสาทเสื่อม เบาหวานขึ้นตา บาดแผลหายช้า
โรคเบาหวาน แผล หายช้า เพราะอะไร
ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมได้ไม่ดี จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และส่งผลต่อการทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานบกพร่องไป ซึ่งการที่แผลหายช้าอาจเกิดเนื่องจากสาเหตุ ดังนี้
- เซลล์เม็ดเลือดขาวแมคโครฟาจ (Macrophage) ทำงานบกพร่องไป หากร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวแมคโครฟาจลดลง ทำให้จัดการกับเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ไม่ดีเท่าที่ควร โอกาสติดเชื้อจากบาดแผลของผู้ป่วยเบาหวาน (ที่ควบคุมไม่ดี) จึงสูงขึ้น โดยที่บาดแผลก็จะหายยากและช้าขึ้นด้วย
- การไหลเวียนของเลือดไม่ดี หากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเรื้อรัง อาจส่งผลให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง ทำให้หลอดเลือดเเข็งและเสี่ยงต่อการอุดตัน นอกจากนี้ ผู้ป่วยมักมีภาวะไขมันในเลือดสูงร่วมด้วย ซึ่งเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้หลอดเลือดอุดตัน จากก่อคราบไขมันที่สะสมในหลอดเลือด เมื่อผู้ป่วยเบาหวานมีบาดแผล จึงมักหายช้ากว่าปกติ เนื่องจากออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นต่าง ๆ ไม่สามารถหมุนเวียนไปยังบาดแผลได้ตามปกติ
- เกิดภาวะแทรกซ้อนของเส้นประสาทจากเบาหวาน (Diabetic Neuropathy) เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานอาจทำให้เส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงเส้นประสาท ได้รับความเสียหาย เส้นประสาทนั้น ๆ จึงทำงานผิดปกติไป ทำให้เกิดอาการ เช่น ชาบริเวณปลายมือปลายเท้า ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บจึงไม่ทราบว่าตัวเองมีแผล และมักทิ้งปล่อยไว้ไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องจนเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- โปรตีนคอลลาเจน (Collagen) ลดลง การที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะมีส่วนยับยั้งการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนโครงสร้างสำคัญในผิวหนังและยังส่วนช่วยในการสมานบาดแผล ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี จึงมีการสร้างคอลลาเจนลดลง ส่งผลให้แผลหายช้า หรือแม้บาดแผลจะเริ่มสมานตัวแล้ว แต่แผลอาจฉีกขาดได้ง่ายเมื่อถูกกดหรือดึง
โรคเบาหวาน แผล ควรดูแลตัวเองอย่างไร
เพื่อป้องกันการเกิดบาดแผลและลดโอกาสติดเชื้อ จนนำไปสู่การลุกลาม ผู้ป่วยเบาหวานควรดูแลตัวเองด้วยตามคำแนะนำต่อไปนี้
- หมั่นตรวจสอบร่างกายอยู่เสมอว่ามีบาดแผลหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณปลายเท้า เนื่องจากเป็นบริเวณที่อาจเกิดการบาดเจ็บได้โดยไม่ทันรู้ตัว หากพบบาดเเผล ควรรีบทำแผล ใส่ยา เเละ ปิดพลาสเตอร์
- สวมถุงเท้าและรองเท้าตลอดเวลา เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ เเม้เป็นบาดแผลเล็กน้อย หรือรอยขีดข่วนบริเวณเท้าโดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่มีอาการเท้าชา
- เมื่อเป็นแผล ควรทำความสะอาดแผลและเปลี่ยนผ้าปิดแผลบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อนจากแบคทีเรีย
- งดหรือเลิกบุหรี่ เพราะสารนิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่ ออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว เลือดจึงไหลเวียนได้ไม่สะดวก
- หากบาดแผลไม่ดีขึ้นหรือลุกลามมากขึ้นควรไปพบคุณหมอ
ภาวะแทรกซ้อนของบาดแผลในผู้ป่วยเบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลหากไม่รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่การติดเชื้อและก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ดังต่อไปนี้
- โรคกระดูกอักเสบติดเชื้อ เป็นการติดเชื้อของกระดูกนับรวมตั้งแต่ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกภายนอก ไปจนถึงเนื้อกระดูก เกิดจากการลุกลามของเเผลจากชั้นผิวหนัง สู่เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ เเละสุดท้ายไปจนถึงกระดูกและข้อ เกิกได้กับกระดูกทุกส่วนของร่างกาย เเต่มักพบที่บริเวณขาเเละเท้ามากที่สุด
- แผลเรื้อรังจนเนื้อตาย หากผู้ป่วยเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี จะส่งผลให้เส้นเลือดส่วนปลายตีบตันได้ ทำให้เนื้อเยื่อส่วนปลายขาดเลือดจนกลายเป็นเนื้อตายเน่าในที่สุด มักเกิดกับนิ้วเท้าได้มากที่สุด
- การติดเชื้อในกระแสเลือด ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เเละเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคทำหน้าที่ได้บกพร่อง ดังนั้น เมื่อมีบาดแผล หรือ มีการติดเชื้อเกิดขึ้น เชื้อโรคจึงอาจลุกลามไปสู่กระเเสเลือด ซึ่งนับเป็นภาวะที่อันตราย อาจนำไปสู่ภาวะช๊อค เเละระบบอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว จนเสียชีวิตได้