ในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานปีละประมาณ 20,000 คน ทั้งยังมีแนวโน้มจะมีผู้ป่วยสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปีอีกด้วย พบว่า กว่า 50% ของผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้ จึงไม่ได้เข้ารับรักษา หรือควบคุมโรคอย่างถูกวิธี ดังนั้น การประเมิน ความเสี่ยงเบาหวาน เบื้องต้นให้ทราบว่าตัวเองเป็นเบาหวาน หรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานหรือไม่นั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจาก หากรู้ตัวเร็วก็อาจเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ทั้งยังลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้อีกด้วย
[embed-health-tool-bmi]
การตรวจเพื่อประเมิน ความเสี่ยงเบาหวาน
การตรวจฮีโมโกลบินเอวันซี
การตรวจฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c หรือ Hemoglobin A1c) เรียกสั้น ๆ ว่า การตรวจเอวันซี (A1c) เป็นการตรวจค่าน้ำตาลสะสม ซึ่งบ่งบอกถึงการควบคุมน้ำตาลในเลือดโดยเฉลี่ยนในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา สามารถใช้ในการประเมินความเสี่ยงของโรคเบาหวาน ทั้งโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และยังเป็นการตรวจที่คุณหมอใช้เพื่อประเมินการรักษาและการควบคุมโรคเบาหวานของผู้ป่วยอีกด้วย
การตรวจฮีโมโกลบินเอวันซี เป็นการตรวจน้ำตาลที่มาจับกับ ฮีโมโกลบิน ของเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งฮีโมโกลบินนี้ เป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง มีหน้าที่นำออกซิเจนไปสู่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย หากมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง จากการที่รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินกว่าที่ร่างกายจะนำไปใช้ น้ำตาลในเลือดก็จะไปจับกับฮีโมโกลบินสะสมเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ฮีโมโกลบินเอวันซีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามมา
การตรวจระดับน้ำตาลสะสมในเลือด หรือค่าฮีโมโกลบิน (A1c) ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร หรือเครื่องดื่ม ผลที่จะได้ออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยสามารถแปลผลได้ดังนี้
- ค่าปกติ/ไม่เป็นเบาหวาน : ไม่เกิน 5.7 เปอร์เซ็นต์
- เสี่ยงเป็นเบาหวาน/ภาวะก่อนเบาหวาน : ระหว่าง 5.7 – 6.4 เปอร์เซ็นต์
- เข้าข่ายเป็นเบาหวาน : สูงตั้งแต่ 6.5 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้นไป
แต่หากเป็นเบาหวานแล้วควรควบคุมให้มีฮีโมโกลบินเอวันซี หรือน้ำตาลสะสม ไม่เกิด 7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้
การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาลกลูโคส
การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาลกลูโคส (Oral Glucose Tolerance Test หรือ OGTT) หรืออาจรู้จักกันว่าคือการตรวจโดยการกลืนน้ำตาล เป็น การทดสอบการตอบสนองของฮอร์โมนอินซูลินเมื่อได้รับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายโดยคุณหมอหรือเจ้าหน้าที่จะให้ดื่มน้ำละลายกลูโคส 75 กรัม หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงจึงจะทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งสามารถแปลผลได้ดังนี้
- ปกติ : ระดับน้ำตาลไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- เสี่ยงเป็นเบาหวาน/ก่อนเบาหวาน : ระดับน้ำตาลระหว่าง 140-199 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- เข้าข่ายเป็น เบาหวาน : ระดับน้ำตาลสูงตั้งแต่ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป
โดยก่อนเข้ารับการตรวจ แนะนำให้รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตตามปกติ และดื่มน้ำให้เพียงพอ แต่จะต้องงดอาหารก่อนเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ในวันที่จะเข้ารับการทดสอบนี้
การตรวจค่าดัชนีมวลกาย
ดัชนีมวลกาย (BMI) คือ ค่าชี้วัดความสมดุลระหว่างน้ำหนักตัวและส่วนสูงของแต่ละบุคคลว่าอยู่ในเกณฑ์เหมาะสมหรือไม่ เกณฑ์ค่าดัชนีมวลกายสำหรับคนไทย มีรายละเอียดดังนี้
- น้ำหนักน้อยเกินไป : ค่า BMI ต่ำกว่า 18.5
- สุขภาพดี : ค่า BMI 18.5-22.9
- น้ำหนักเกิน : ค่า BMI 23-24.9
- อ้วน/โรคอ้วนระดับ 1 : ค่า BMI 25-29.9
- อ้วนอันตราย/โรคอ้วนระดับ 2 : ค่า BMI 30 ขึ้นไป
สำหรับคนไทยหรือคนเอเชียทุกเพศทุกวัย หากมีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 25 หรือที่เรียกว่า น้ำหนักเกิน หรือมีปัจจัยเสี่ยงเบาหวานอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ระดับคอเลสเตอรอลผิดปกติ ไม่ออกกำลังกาย เป็นกลุ่มอาการถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) หรือ มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวานก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้
การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร
การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร (Fasting Plasma Glucose หรือ FPG) เป็นการตรวจวัดค่าระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากงดเครื่องดื่มที่ให้พลังงานและอาหารเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง โดยทั่วไปแล้วนิยมตรวจในช่วงเช้าก่อนที่ผู้เข้ารับการตรวจจะรับประทานอาหารเช้า โดยสามารถแปลผลได้ ดังนี้
- ปกติ : ระดับน้ำตาลน้อยกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- เสี่ยงเป็นเบาหวาน/ภาวะก่อนเบาหวาน : ระหว่าง 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- เข้าข่ายเป็นโรคเบาหวาน : มากกว่าหรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่ม
การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่ม (Random Blood Sugar Test หรือ RBS) เป็นการเจาะเลือดตรวจแบบไม่ระบุช่วงเวลา ผู้เข้ารับการตรวจจึงไม่จำเป็นต้องงดอาหาร และสามารถตรวจหลังรับประทานอาหารไปแล้วก็ได้ นอกจากนี้แล้วยังสามารถตรวจได้เองที่บ้านด้วยเครื่องตรวจน้ำตาลปลายนิ้ว หรือจะมาเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลได้เช่นเดียวกัน
หากระดับน้ำตาลที่ตรวจมากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร รวมกับมีอาการของโรคเบาหวานหรือมีอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเช่น กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย สามารถแปลผลได้ว่า เข้าข่ายเป็นโรคเบาหวาน
อย่างไรก็ตามการตรวจน้ำตาลแบบสุ่ม เป็นเพียงการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น หากต้องการตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวานที่แม่นยำ ยังจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติม