backup og meta

ความรุนแรงในโรงเรียน คืออะไร และควรป้องกันอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงสุสิตา หวังจิรนิรันดร์ · พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 08/05/2023

    ความรุนแรงในโรงเรียน คืออะไร และควรป้องกันอย่างไร

    ความรุนแรงในโรงเรียน เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกโรงเรียน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่ทำให้เด็กใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่น เช่น ความรุนแรงภายในครอบครัว การเลี้ยงดู เพื่อน สังคม สภาพแวดล้อม ภาวะสุขภาพ การใช้สารเสพติด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งโรงเรียน คุณครู ผู้ปกครอง และชุมชนควรมีส่วนร่วมในการป้องกันความรุนแรงในโรงเรียน เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตที่ดีของเด็กในอนาคต

    ความรุนแรงในโรงเรียน คืออะไร

    ความรุนแรงในโรงเรียน คือ พฤติกรรมความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นภายในโรงเรียน ระหว่างการเดินไปและกลับจากโรงเรียน หรือการไปทัศนศึกษากับโรงเรียน เช่น การพูดจาก้าวร้าว การทำร้ายร่างกาย การใช้อาวุธทำร้ายผู้อื่น รวมไปถึงการทำความรุนแรงที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของโรงเรียน

    โดยสัญญาณเตือนของนักเรียนที่อาจมีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงในโรงเรียน คุณครูและเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนอาจสังเกตได้จากสิ่งเหล่านี้

    • นักเรียนพูดคุยหรือเล่นกับอาวุธทุกชนิด
    • นักเรียนมีพฤติกรรมทำร้ายสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์อื่น ๆ
    • นักเรียนมีพฤติกรรมข่มขู่หรือกลั่นแกล้งผู้อื่น
    • นักเรียนพูดถึงความรุนแรง ดูหนังที่มีความรุนแรง หรือชอบเล่นเกมที่มีความรุนแรง
    • นักเรียนพูดหรือแสดงท่าทีก้าวร้าวทั้งต่อเพื่อนและผู้ใหญ่

    สาเหตุของ ความรุนแรงในโรงเรียน

    อาจไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดที่ก่อให้เกิดความรุนแรงในโรงเรียน แต่อาจเป็นไปได้ว่าเด็กที่เป็นผู้ใช้ความรุนแรงอาจถูกครอบครัวหรือสังคมกดดันในด้านต่าง ๆ เช่น ความรุนแรงภายในครอบครัว การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม ผลการเรียนตกต่ำ พฤติกรรม บุคลิกภาพ ฐานะครอบครัว ภาวะสุขภาพ การใช้สารเสพติด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วัยอยากรู้อยากลอง ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้เด็กที่ยังไม่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจมากพอ แสดงพฤติกรรมหรือลงมือทำความรุนแรงต่อผู้อื่น ๆ ได้ โดยเข้าใจว่าความรุนแรงอาจช่วยปกป้องตัวเองหรือช่วยให้ตัวเองเป็นที่รักและเป็นจุดสนใจมากขึ้น

    ประเภทของ ความรุนแรงในโรงเรียน

    ความรุนแรงในโรงเรียนมีหลายรูปแบบโดยอาจแบ่งเป็นประเภทได้ ดังนี้

    • การกลั่นแกล้ง อาจเกิดขึ้นได้ทั้งทางร่างกาย จิตใจ หรือการคุกคามทางเพศ โดยมีลักษณะของพฤติกรรมก้าวร้าวซ้ำ ๆ และจงใจกระทำต่อบุคคลอื่น
    • การกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศหรือทางจิตใจผ่านทางโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ เช่น การโพสต์ข้อมูลเท็จ ความคิดเห็นที่ทำร้ายจิตใจ ข่าวลือที่เป็นอันตราย ลงรูปภาพหรือวิดีโอที่น่าอับอายในโซเชียลมีเดีย
    • ความรุนแรงทางร่างกาย เป็นความก้าวร้าวทางร่างกายทุกประเภท เช่น การใช้อาวุธ การโจรกรรม การลอบวางเพลิง
    • ความรุนแรงทางจิตใจ รวมถึงการล่วงละเมิดทางอารมณ์และทางวาจา เช่น การดูถูก การคุกคาม การเมินเฉย การปล่อยให้โดดเดี่ยว การปฏิเสธ การประนาม การเยาะเย้ย การปล่อยข่าวลือ การพูดโกหก ทำให้ผู้อื่นอับอาย หรือลงโทษบุคคลอื่นโดยไม่ยุติธรรม
    • ความรุนแรงทางเพศ เป็นการคุกคามทางเพศ การข่มขู่ทางเพศ การสัมผัสที่อีกฝ่ายไม่ต้องการหรือไม่อนุญาต การบังคับทางเพศ และการข่มขืน

    ผลกระทบของความรุนแรงในโรงเรียน

    ความรุนแรงในโรงเรียนอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้ ดังนี้

  • ผลกระทบต่อเด็กที่กระทำรุนแรง บางครั้งเด็กที่ใช้ความรุนแรงอาจทำลงไปเพื่อปกป้องตัวเอง เนื่องจากเคยตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงมาก่อน จึงพยายามแสดงความแข็งแกร่งให้ผู้อื่นเห็นด้วยการทำพฤติกรรมรุนแรงต่อผู้อื่น ซึ่งความรู้สึกพึงพอใจนี้อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เมื่อเวลาผ่านไปเด็กอาจกลับมารู้สึกกลัวในความผิดนั้น และกระทำผิดเพิ่มมากขึ้นหรือรุนแรงขึ้น เพื่อป้องกันตัวเองอีกครั้ง
  • ผลกระทบต่อเด็กที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง อาจทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย เช่น รอยถลอก ฟกช้ำ กระดูกหัก ความพิการทางร่างกาย หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต รวมทั้งยังอาจกระทบต่อภาวะทางอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า ความวิตกกังวล หวาดระแวง จนทำให้เสียการเรียนหรือคุณภาพชีวิตย่ำแย่ลงได้
  • ผลกระทบต่อเด็กที่เห็นความรุนแรงในโรงเรียน เด็กที่เห็นเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งหมด อาจเกิดความหวาดกลัวที่จะเป็นเหยื่อรายต่อไป และอาจรู้สึกผิดที่ไม่สามารถแจ้งเหตุการณ์เหล่านั้นให้ผู้ใหญ่ทราบได้เพราะถูกข่มขู่ จึงส่งผลต่อสภาพจิตใจโดยตรง ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยและสูญเสียมั่นใจในตนเอง
  • การป้องกันความรุนแรงในโรงเรียน

    โรงเรียนควรเป็นสถานที่ปลอดภัยให้กับนักเรียน ดังนั้นเพื่อป้องกันความรุนแรงในโรงเรียนผู้ใหญ่จึงอาจทำได้ ดังนี้

    • คุณครูเตือนนักเรียนให้ปกป้องสิทธิของตัวเอง และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมความรุนแรงจากเพื่อน
    • คุณครูเน้นย้ำกฎของโรงเรียนและบทลงโทษเมื่อกระทำผิดให้นักเรียนทราบ รวมทั้งขอให้นักเรียนรายงานความรุนแรงหรือปัญหาที่เกิดขึ้นให้คุณครูหรือเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนทราบ
    • โรงเรียนควรสนับสนุนให้มีการสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้มีความปลอดภัย เช่น การให้บริการและคำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพจิต อบรมและแนะนำด้านพฤติกรรมให้แก่นักเรียน เสนอกิจกรรมเชิงบวกร่วมกัน
    • โรงเรียนควรส่งเสริมให้นักเรียนมีความรับผิดชอบในความปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน
    • โรงเรียนควรสร้างระบบการรายงานเหตุการณ์ผิดปกติโดยไม่ระบุตัวตน เช่น สายด่วน กล่องคำแนะนำ
    • โรงเรียนควรควบคุมการเข้าถึงจุดต่าง ๆ ภายในอาคารเรียน โดยเฉพาะจุดอับที่นักเรียนอาจใช้จุดนี้เพื่อกระทำความรุนแรงต่อเพื่อนนักเรียนด้วยกัน
    • โรงเรียนควรตั้งมาตรการตรวจสอบสถานที่หรือบุคคลที่อาจเป็นอันตรายต่อนักเรียน เช่น แขกของโรงเรียน โรงอาหาร สนามเด็กเล่น โถงทางเดิน ลานจอดรถ
    • โรงเรียนควรมีปริมาณคุณครูและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ เพื่อช่วยในการสอดส่องพฤติกรรมไม่ดีของนักเรียน และนักเรียนสามารถแจ้งเหตุได้อย่างทันท่วงที
    • โรงเรียนควรจัดอบรมเกี่ยวกับการรับมือเมื่อถูกคุกคาม และขั้นตอนการจัดการกับเหตุที่เกิดขึ้น ให้แก่นักเรียน คุณครู และเจ้าหน้าที่ภายในโรงเรียน
    • โรงเรียนควรสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชน เพื่อช่วยสอดส่องหากนักเรียนมีพฤติกรรมรุนแรงภายนอกโรงเรียน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงสุสิตา หวังจิรนิรันดร์

    พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 08/05/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา