เปิดบัญชีเงินฝาก
เมื่อลูกหยอดเงินจนเต็มกระปุกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปเปิดบัญชีเงินฝาก โดยต้องเลือกประเภทบัญชีให้เหมาะสมกับจำนวนเงิน เป้าหมาย และระยะเวลาในการฝากเงินด้วย เช่น หากเป็นเงินออมสำหรับซื้อของชิ้นใหญ่ อาจเลือกเปิดเป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หากเป็นเงินสำหรับลงทุน หรือเงินเก็บสะสมระยะยาว เพื่อไว้ใช้ตอนโต อาจเลือกเปิดบัญชีเงินฝากประจำ ที่มีให้เลือกทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะหากฝากครบตามระยะเวลาที่กำหนดก็จะได้ดอกเบี้ยดีกว่าบัญชีออมทรัพย์ แต่ต้องดูเงื่อนไขให้ดีด้วยว่าต้องฝากกี่เดือน เดือนละกี่บาท ในหนึ่งปีขาดฝากได้หรือไม่ จะได้ให้ลูกวางแผนเก็บเงินได้ถูกต้อง
เก็บก่อน ใช้ทีหลัง
เมื่อลูกได้เงินมา ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าขนมรายวัน รายอาทิตย์ เงินปีใหม่ เงินวันเกิด คุณควรสอนให้ลูกแบ่งเงินส่วนหนึ่งหยอดกระปุกออมสินก่อน แล้วค่อยนำส่วนที่เหลือไปใช้ วิธีนี้จะทำให้ลูกสามารถเก็บเงินได้ตามยอดที่ตั้งไว้ง่ายกว่า และช่วยให้เขาคุ้นเคยกับการเก็บเงินก่อนใช้เงิน หากคุณปล่อยให้ลูกเอาเงินไปใช้แล้ว โดยเฉพาะเงินที่ได้จากเทศกาลพิเศษ ลูกอาจใช้เงินเพลินจนไม่เหลือเก็บ
ออมเงินให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง
เด็กๆ เรียนรู้จากการทำตามตัวอย่าง ฉะนั้น หากคุณอยากสอนลูกออมเงิน ใช้เงินอย่างชาญฉลาด คุณก็ควรทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นก่อน เริ่มตั้งแต่การเก็บเงินในกระปุกแต่ละใบ นำเงินไปฝากธนาคาร หรือเพิ่มพูนมูลค่า ไปจนถึงการจับจ่ายใช้สอย เวลาไปซื้อของกับลูก ก็ต้องแสดงให้ลูกเห็นว่า ก่อนจะซื้อของแต่ละครั้งต้องทำยังไงถึงจะคุ้มค่าที่สุด เช่น ต้องสำรวจราคาหลายๆ ร้าน สำรวจความคุ้มค่า ดูส่วนลด ตรวจสอบคุณภาพสินค้า เมื่อลูกมีคุณเป็นต้นแบบในการออมเงินที่ดี ก็จะช่วยกระตุ้นให้เขาอยากออมเงิน และใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดบ้าง
ให้ลูกเรียนรู้เรื่องเงินผ่านบอร์ดเกม
บอร์ดเกมอย่างเกมเศรษฐี ถือเป็นตัวช่วยการในสอนลูกออมเงิน และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างหนึ่ง บอร์ดเกมช่วยให้เด็กได้เรียนรู้วิธีสร้างสมดุลระหว่างเงินฝากและเงินใช้จ่าย เด็กๆ จะได้ลองคิดคำนวณ และทำความคุ้นเคยกับธนบัตรชนิดต่างๆ (แม้จะไม่ใช่ของจริงก็ตาม) เรียกได้ว่า ได้ความรู้แถมยังสนุกสนานด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้การรู้จักออมเงินจะเป็นเรื่องดี แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรบังคับ สอนให้ลูกเอาแต่ออมเงิน หรือสอนให้ลูกประหยัดมากจนเกินพอดี เพราะเมื่อลูกโตขึ้นเขาอาจกลายเป็นคนที่ขี้งกจนเห็นแก่ตัว และสร้างความลำบากให้ตัวเองและผู้อื่นได้
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย