- โรคหัด
- โรคหัดเยอรมัน
- โรคคางทูม
- โรคอีสุกอีใส
ช่วงอายุ 12-23 เดือน
ช่วงอายุ 5 ปี ขึ้นไป
- โรคโควิด-19 (ควรได้รับการฉีดอย่างน้อย 2 เข็ม และเข็มกระตุ้นตามลำดับห่างกันประมาณ 3-4 เดือนแตกต่างกันไปตามวัคซีนแต่ละยี่ห้อ และตามคำแนะนำของคุณหมอ)
ช่วงอายุ 11-12 ปี
- โรคจากไวรัสเอชพีวี (Human papillomavirus หรือ HPV)
ช่วงอายุ 16-18 ปี
ช่วงอายุ 19 ปี ขึ้นไป
- โรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส (Pneumococcal Disease)
ช่วงอายุ 50 ปี
ฉีดวัคซีน ปลอดภัยหรือไม่
วัคซีนมักมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากผ่านการทดสอบทั้งในห้องปฏิบัติการและกับอาสาสมัครจำนวนมากมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งผ่านการรับรองโดยหน่วยงานสาธารณสุขระดับประเทศ หรือระดับสากล ก่อนได้รับอนุญาตให้ขายหรือฉีดให้บุคคลทั่วไป อย่างไรก็ตาม วัคซีนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ที่ได้รับวัคซีนบางรายได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ โรคประจำตัว ระบภูมิคุ้มกัน ความแข็งแรงของร่างกาย ทั้งนี้ วัคซีนจะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพของวัคซีน
วัคซีนไม่สามารถป้องกันโรคต่าง ๆ ได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จะช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรง หรือเสียชีวิต โดยทั่วไป ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโดยเฉลี่ยของวัคซีนแต่ละชนิดจะอยู่ราว ๆ 86-95 เปอร์เซ็นต์
ในส่วนของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 70-90 เปอร์เซ็นต์ แตกต่างกันไปตามวัคซีนแต่ละยี่ห้อ
ใครบ้างควรฉีดวัคซีน
เด็กทารกส่วนใหญ่มักได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคพื้นฐาน กระทั่งเติบโตเป็นวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ก็ยังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนบางชนิด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากเชื้อโรคที่อาจสร้างให้เกิดความเจ็บป่วยอย่างร้ายแรงได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ วัคซีนโควิด-19 ถือเป็นวัคซีนที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ช่วยในการป้องกันความเจ็บป่วยที่รุนแรงและการเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีภาวะแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) ต่อสารซึ่งเป็นส่วนประกอบของวัคซีน หรือมีประวัติแพ้รุนแรงกับวัคซีนเข็มแรก (ในกรณีของวัคซีนซึ่งต้องฉีด 2 เข็มขึ้นไป) จะไม่สามารถรับวัคซีนได้ เนื่องจากเสี่ยงเผชิญกับผลข้างเคียงชนิดรุนแรง หรือเป็นอันตรายถึงชีวิต รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวควรได้รับคำแนะนำจากคุณหมอก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนชนิดใดก็ตาม
นอกจากนี้ ผู้มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากการรักษาโรคมะเร็งหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง ควรได้รับคำแนะนำจากคุณหมอประจำตัวก่อนฉีดวัคซีน
ผลข้างเคียงซึ่งอาจพบได้จากการฉีดวัคซีน
ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนถือเป็นเรื่องปกติ และมักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หรือราว 2-3 วัน แล้วหายไปเอง ทั้งนี้ ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังฉีดวัคซีนชนิดต่าง ๆ ได้แก่
- แขนข้างที่ฉีดวัคซีนบวม แดง หรือปวดเล็กน้อย
- รู้สึกไม่สบาย เป็นไข้
- คลื่นไส้ อาเจียน
ทั้งนี้ ผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน ในกรณีของภาวะแพ้รุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องไปหาคุณหมอทันที คือ
- หายใจลำบาก
- ความดันโลหิตลดลง
- ลิ้นหรือคอบวม
- เป็นผื่นตามร่างกาย
การฉีดวัคซีนกับภูมิคุ้มกันหมู่
ภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) หมายถึง การมีภูมิคุ้มกันต่อโรคติดต่อในคนหมู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อ อันส่งผลให้โอกาสป่วยด้วยโรคดังกล่าวในประชากรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งน้อยลงหรืออยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ สัดส่วนการได้รับวัคซีน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในแต่ละโรคนั้นแตกต่างกัน สำหรับโรคหัด ประชากรร้อยละ 94-95 ควรได้รับวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะที่ในกรณีของโรคโปลิโอ ประชากรควรได้รับวัคซีนเพียงร้อยละ 80 เท่านั้น
สำหรับโรคโควิด-19 ประชากรควรได้รับวัคซีนเท่าใดจึงทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นได้นั้นยังไม่สามารถระบุได้ ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องภูมิคุ้มกันหมู่ของโรคโควิด-19 อยู่
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย