โรคเด็กและอาการทั่วไป

วัยเด็กเป็นวัยที่เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงแรกเกิดถึงสามปี เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขายังไม่แข็งแรงดีนัก และนี่คือ โรคเด็กและอาการทั่วไป ที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบ จะได้รับมือได้อย่างถูกต้อง

เรื่องเด่นประจำหมวด

โรคเด็กและอาการทั่วไป

ป้องกันภูมิแพ้ได้ตั้งแต่เริ่ม ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A.

เรื่องสุขภาพของลูก ถือเป็นเรื่องใหญ่ของพ่อแม่ ลูกไม่สบายทีไร คนที่กลุ้มใจที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นแล้วหากมีสิ่งไหนที่ช่วยป้องกันลูกน้อยจากการเจ็บป่วยได้ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย  หนึ่งในอาการป่วยที่มักพบในเด็กเล็กๆ คือภูมิแพ้ในเด็กซึ่งดูเหมือนว่าจำนวนผู้ป่วยจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี แต่รู้หรือไม่ ว่าตัวช่วยป้องกันภูมิแพ้ในเด็กที่ดีที่สุด ไม่ใช่ของที่หายาก แต่เป็น “นมแม่” นี่เอง ภูมิแพ้ในเด็ก ภูมิแพ้ คืออาการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองไวต่อสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคือง ซึ่งสามารถเกิดได้กับหลายระบบในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ภูมิแพ้อาหารและยา ภูมิแพ้ผิวหนัง และภูมิแพ้ตา เป็นต้น สำหรับเด็กเล็กแล้ว ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ถือเป็นภูมิแพ้ในเด็กที่พบได้บ่อย สังเกตได้จากการที่ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ เป็นตุ่มแดงหรือตุ่มใสแตกออกมีน้ำเหลืองแฉะหรืออาจเป็นผื่นหนาลักษณะเป็นปื้นตามตัว เป็นๆหายๆ แต่ไม่มีไข้ และผิวหนังจะมีลักษณะแห้งมากและคันมาก  หรือมีผดร้อนทารกนอกจากนี้ ภูมิแพ้ในเด็กที่พบได้บ่อยยังรวมถึง หอบหืด เยื่อบุจมูกอักเสบ และแพ้อาหารด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อาการภูมิแพ้ในเด็ก อาจนำไปสู่การเกิด ลูกโซ่ภูมิแพ้ (Allergic March) หรือกระบวนการที่ภูมิแพ้ในเด็กพัฒนาต่อเนื่องจากชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่งตามการเจริญเติบโต ซึ่งมีจุดเริ่มต้นได้ตั้งแต่โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ และการแพ้อาหารในช่วงวัยทารก ตามมาด้วยโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ทั้งนี้ภาวะลูกโซ่ภูมิแพ้สามารถพัฒนาต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้เลย H.A. คุณสมบัติที่มีในนมแม่ ช่วยป้องกันภูมิแพ้ เหตุผลที่ “นมแม่” คือตัวช่วยป้องกันภูมิแพ้ตั้งแต่เริ่มต้น นั่นเพราะนมแม่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด โดยมี 5 ใยอาหารหลัก […]

สำรวจ โรคเด็กและอาการทั่วไป

โรคเด็กและอาการทั่วไป

เด็กไอ อาการที่พ่อแม่ควรระวัง

เด็กไอ เป็นเรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่อาจพบเจอได้ แต่ก็ควรระวัง เพราะบางครั้งการที่เด็กไออาจส่งสัญญาณบ่งชี้บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายของเด็กได้ หากเด็กไอเป็นเวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัย [embed-health-tool-bmi] เด็กไอ เกิดจากอะไร เด็กไอมักเป็นสัญญาณว่าร่างกายพยายามกำจัดความระคายเคืองจากเสมหะ หรือสิ่งแปลกปลอม เนื่องจากหากไม่กำจัดออกอาจสร้างความรำคาญ และอาจทำให้หายใจไม่สะดวก ซึ่งสาเหตุทั่วไปของอาการไอ เช่น โรคภูมิแพ้ และไซนัสอักเสบ สิ่งที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น อาหาร ละอองเกสร ฝุ่นละออง อาจเป็นสาเหตุของอาการไอเรื้อรัง และยังทำให้ระคายเคือง มีน้ำมูก เสมหะ เจ็บคอ รวมถึงอาจมีผื่นขึ้นตามตัว โรคหอบหืด เกิดจากมีสิ่งกระตุ้นต่อภาวะหลอดลมไว ทำให้เด็กมีหลอดลมตีบเล็กลง อาการอาจแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน ส่วนมากมักไอแบบมีเสียงหวีด ซึ่งอาการมักจะแย่ลงในเวลากลางคืน หรือมักไอขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องเคลื่อนไหว เช่น ออกกำลังกาย โรคกรดไหลย้อน อาจทำให้มีอาการไอ อาเจียนบ่อย รู้สึกขมในปาก และปวดแสบร้อนภายในอก การติดเชื้อต่าง ๆ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้เด็กมีอาการไอเรื้อรัง หากเป็นหวัดอาจมีอาการไอเล็กน้อยถึงไอปานกลาง ซึ่งเป็นอาการไอที่ไม่รุนแรงมาก แต่หากเป็นไข้หวัดใหญ่ อาจไอแบบแห้ง หรือมีเสมหะ ร่วมกับมีไข้สูง สาเหตุอื่นที่อาจทำให้เด็กไอ […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

โรคตาในเด็ก ปัญหาสุขภาพดวงตาของเด็ก ๆ ที่พ่อแม่ควรระวัง

เด็ก ๆ มักจะพบกับปัญหาสุขภาพตาได้บ่อย ๆ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้ปัญหาสุขภาพตาของเด็กรุนแรงจนนำไปสู่ภาวะสุขภาพที่รุนแรง โรคตาในเด็ก ที่พบได้บ่อย เช่น ภาวะตาขี้เกียจ ตาเหล่ ตากุ้งยิง ถือเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรละเลย เพื่อไม่ให้นำไปสู่ปัญหาสุขภาพตา หรือสุขภาพโดยรวมที่รุนแรงขึ้น โรคตาในเด็ก ที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง ปัญหาเกี่ยวกับ สุขภาพดวงตา ที่สามารถพบได้บ่อย ๆ มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ดังนี้ ภาวะตาขี้เกียจ  ภาวะตาขี้เกียจ (Amblyopia) เป็นภาวะที่สายตามีระดับการมองเห็นที่ผิดปกติ โดยที่การมองเห็นของสายตาข้างใดข้างหนึ่งอาจเห็นได้ไม่ชัดเท่ากับสายตาอีกข้างหนึ่ง ส่งผลให้เกิดภาวะตาเหล่ ภาวะหนังตาตก รวมถึงโรคต้อกระจกตามมา อย่างไรก็ตาม โรคตาขี้เกียจสามารถรักษาหายได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เด็ก ๆ อาจเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคตามัวชนิดถาวร ตาเขหรือตาเหล่ อาการตาเขหรือตาเหล่ในเด็ก เกิดจากการที่ตำแหน่งของดวงตาชี้ไปในทิศทางที่ต่างกัน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ ความผิดปกติของเส้นประสาท หรือเป็นผลมาจากภาวะตาขี้เกียจ อย่างไรก็ตาม อาการตาเหล่ ตาเขในเด็ก สามารถที่จะรักษาได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และไม่ควรปล่อยเอาไว้จนโต เพราะอาจตาเหล่ถาวร ตากุ้งยิง ตากุ้งยิง (Chalazion) เป็นปัญหา สุขภาพดวงตา เกิดจากการอักเสบหรืออุดตันที่บริเวณต่อมไขมันของเปลือกตาบนหรือล่าง หรือเกิดการอักเสบที่บริเวณเยื่อบุตา ทำให้เกิดอาการบวมแดงจนนูนเป็นตุ่ม ภาวะน้ำตาเอ่อ ภาวะน้ำตาเอ่อ (Epiphora) เกิดจากการอุดตันของท่อน้ำตา ส่งผลให้มีอาการตาแฉะ และมีน้ำตาไหลออกมาอยู่บ่อย […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

โรคในทารกแรกเกิด ที่พบได้บ่อย มีอะไรบ้าง

โรคในทารกแรกเกิด อาจเป็นอาการเจ็บป่วยเช่นเดียวกับเด็กในวัยอื่น ๆ  แต่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งกว่า เพราะร่างกายของทารกแรกเกิดนั้นยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง ดังนั้น จำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ในครอบครัว ควรให้ความใส่ใจและสังเกตทารกแรกเกิดเพื่อจะได้ดูแลและรักษาอย่างทันท่วงที โรคในทารกแรกเกิด ที่พบได้บ่อย ภาวะท้องอืด ภาวะท้องอืด เป็นโรคในทารกแรกเกิด ที่พบได้บ่อยมากเป็นอันดับต้น ๆ เด็กทารกมักมีอาการท้องอืด แน่นท้อง และท้องป่องเป็นประจำ โดยเฉพาะขณะกินนมแม่ และหลังกินนมเสร็จ เมื่อเกิดภาวะท้องอืด จะทำให้ทารกน้อยรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว หายใจลำบาก เป็นต้น สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังเมื่อลูกท้องอืด ก็คือ หากเป็นอาการท้องอืดที่ไม่เป็นอันตราย ท้องมักนิ่ม หากทารกท้องแข็ง บวม แน่น รวมทั้งมีอาการอาเจียน หรือท้องเสียนานเกิน 2 วันร่วมด้วย ควรพาไปพบคุณหมอทันที เพราะอาการที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เป็นเพราะมีแก๊สในกระเพาะอาหาร หรือท้องผูกตามปกติ แต่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ที่เป็นอันตรายได้ โรคดีซ่าน โรคดีซ่าน ทำให้ผิวหนัง ดวงตา และปากของทารกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เนื่องจากในร่างกายมีระดับบิลิรูบิน (Bilirubin) สูงผิดปกติ โดยบิลิรูบินเป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการสลายเซลล์เม็ดเลือดแดงเก่าและสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่ของร่างกาย ปกติแล้ว ร่างกายของคนเราจะกำจัดบิลิรูบินออกทางตับ แต่ในช่วง 2-3 วันหลังลืมตาดูโลก ตับของทารกแรกเกิดจะยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ทำให้ร่างกายทารกแรกเกิดบางคนไม่สามารถกำจัดบิลิรูบินออกได้ตามปกติ ในร่างกายเลยมีบิลิรูบินมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นโรคดีซ่านหรือตัวเหลืองนั่นเอง แม้โรคดีซ่านจะเป็นโรคในทารกแรกเกิดที่พบบ่อย แต่ในบางกรณี ระดับบิลิรูบินที่สูงเกินไปก็อาจทำให้สมองของทารกแรกเกิดบาดเจ็บได้ ฉะนั้น […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

โคลิค กับวิธีรับมือสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่

โคลิค (Colic) เป็นอาการร้องไห้ของเด็กทารกวัยแรกเกิดแบบต่อเนื่องและยาวนาน ที่อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ตกใจหรือไม่รู้ว่าจะรับมือได้อย่างไร แท้จริงแล้วโคลิกเป็นอาการที่เกิดขึ้นและหายไปได้ แต่อาจต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับอาการนี้อย่างถูกต้อง โคลิค คืออะไร โคลิค คือ อาการที่มักเกิดขึ้นได้กับเด็กแรกเกิดตั้งแต่ช่วงอายุ 2-6 สัปดาห์ โดยทารกอาจร้องไห้ออกมาอย่างหนัก และนานกว่าปกติ หรือในช่วงเวลาเดียวกันทุกวันบ่อยครั้ง ซึ่งอาจมาจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้ ระบบย่อยอาหารแปรปรวน จุกเสียด กรดไหลย้อน แพ้อาหารบางอย่าง คุณพ่อคุณแม่ให้อาหารลูกน้อยหรือมากเกินไป ภาวะคลอดก่อนกำหนด ระบบประสาทที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ คุณแม่สูบบุหรี่ในช่วงตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะโคลิคมักหายไปจากลูกได้เอง ตามระยะเวลาการเจริญเติบโต คือ ช่วงประมาณ 3-4 เดือน อาการเมื่อลูกเป็นโคลิค เด็กร้องไห้งอแงอาจเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ยากที่จะจำแนกได้ว่า ร้องไห้แบบไหน คือ ร้องไห้ธรรมดา หรือร้องไห้เพราะเป็นโคลิค โดยคุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้จากอาการเหล่านี้ อาการร้องไห้อย่างหนักรุนแรง ใบหน้าของลูกเปลี่ยนสีเป็นสีแดง ปากและผิวซีด ร้องไห้ในช่วงเวลาเดียวกัน หรือใกล้กันทุกวัน มีท่าทางเกร็งในขณะร้องไห้ เช่น กำมือแน่น ขายกขึ้นเกร็ง หน้าท้องแข็ง ในบางกรณี โคลิคอาจทำให้ลูกเป็นลม หมดสติ เพราะร้องไห้หนักจนเกินไป ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด และรู้จักรับมืออย่างถูกวิธี หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอาจต้องพาลูกพบคุณหมอทันที […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

เด็กปวดท้อง ควรทำอย่างไรเพื่อแก้อาการปวดท้อง

อาการ เด็กปวดท้อง อาจพบได้บ่อยในเด็ก โดยเฉพาะเด็กวัย 4-8 ปี ซึ่งอาการปวดท้องอาจมีสาเหตุมาจากอาหาร ความเครียด และความเจ็บปวด ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้จากการที่ลูกร้องไห้ไม่ยอมหยุด ขวดตัว หรือแสดงอาการเจ็บปวดออกมา ดังนั้น การศึกษาถึงวิธี แก้อาการปวดท้องของลูกน้อย อาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่บรรเทาอาการปวดท้องเบื้อต้นให้ลูกได้ ก่อนที่จะพาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี [embed-health-tool-vaccination-tool] เด็กปวดท้อง สังเกตได้อย่างไร เมื่อ เด็กปวดท้อง สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้ คือ ลูกอาจร้องไห้ไม่ยอมหยุด ขดตัว และแสดงอาการเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ อาจมีอาการที่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่ากำลังมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น สำหรับเด็กวัยรุ่นอาจมีความลังเลที่จะบอกถึงความเจ็บปวด ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องสังเกตอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ดังนี้ ระยะเวลาของอาการปวด สาเหตุของอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นไม่นาน ส่วนใหญ่อาจเกิดจากการมีแก๊สในกระเพาะอาหาร เป็นไข้หวัด หรือมีอาการเกี่ยวกับลำไส้ แต่อาการปวดท้องอาจหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง แต่หากมีอาการปวดท้องนานเกิดกว่า 24 ชั่วโมง ควรพาลูกไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและประเมินอาการ ตำแหน่งของอาการ เด็กปวดท้อง โดยปกติแล้ว อาการปวดท้องอาจเกิดขึ้นบริเวณกลางช่องท้อง ซึ่งลูกอาจแสดงอาการออกมาด้วยการถูรอบ ๆ ท้อง แต่หากเกิดอาการปวดบริเวณอื่น ๆ เช่น ปวดบริเวณที่ต่ำกว่ากลางช่องท้องและเยื้องลงมาทางด้านขวาอาจเป็นอาการปวดท้องในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

โรคปากนกกระจอกในเด็ก สาเหตุ และอาการของโรค

โรคปากนกกระจอกในเด็ก หมายถึงอาการอักเสบบริเวณมุมปาก ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายขาดวิตามิน แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การเลียริมฝีปากบ่อย การติดเชื้อแบคทีเรีย อาการอักเสบจากโรคอื่น ๆ พ่อแม่ควรคอยสังเกตอาการ และพาลูกไปรับการรักษาให้เหมาะสม [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคปากนกกระจอกในเด็ก คืออะไร โรคปากนกกระจอก (Angular Cheilitis) คือ อาการอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณมุมปาก ส่งผลให้ริมฝีปากเกิดอาการบวมแดง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการ 2-3 วัน แต่บางรายอาจจะมีอาการนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยต่างๆ โรคปากนกกระจอก อาจมีอาการคล้ายกับโรคเริมที่ริมฝีปาก แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างกัน โรคเริมที่ริมฝีปากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม ในขณะที่โรคปากนอกกระจอกอาจจะเกิดจากสาเหตุและปัจจัยอื่น ๆ เช่น การขาดสารอาหาร การติดเชื้แบคทีเรีย การเลียริมฝีปาก สาเหตุของโรคปากนกกระจอกในเด็ก สาเหตุที่อาจทำให้เกิดโรคปากนกกระจอกในเด็ก มีดังต่อไปนี้ ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เช่น ขาดวิตามินบี 9 ขาดวิตามินบี 6 ขาดวิตามินบี 2 ขาดวิตามินบี 3 ขาดสังกะสี เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด กลุ่มอาการโจเกร็น (Sjogren’s Syndrome) ภูมิคุ้มกันแบบเรื้อรังที่ทำลายต่อม ซึ่งมีทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นกับปากส่งผลให้ปากแห้ง เลียริมฝีปากบ่อย ผิวแพ้ง่าย บอบบาง มีอาการอักเสบอื่น ๆ เช่น […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

ปวดหัวไมเกรนในเด็ก อาการ สาเหตุ และวิธีรักษาที่เหมาะสม

อาการปวดหัวไมเกรน เป็นอาการปวดหัวอย่างรุนแรง โดยจะมีอาการปวดตุบ ๆ ปกติแล้วอาการปวดหัวไมเกรนนั้นจะปวดศีรษะเพียงข้างเดียว แต่บางครั้งก็อาจจะเริ่มต้นจากอาการปวดเพียงข้างเดียวก่อน แล้วจึงปวดทั้งสองข้าง โดยทั่วไปแล้วเรามักจะเจออาการปวดหัวไมเกรนในผู้ใหญ่ แต่จริงๆ แล้วอาการ ปวดหัวไมเกรนในเด็ก ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน อาการปวดหัวไมเกรนในเด็ก  อาการปวดหัวไมเกรน เป็นอาการของการปวดหัวที่จะมีอาการรุนแรงกว่าการปวดหัวแบบอื่นๆ อาการปวดหัวไมเกรนในเด็กอาจจะมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ เช่น อาการปวดหัวไมเกรนในเด็ก อาจจะมีระยะเวลาในการเกิดอาการน้อยกว่าอาการปวดหัวไมเกรนในผู้ใหญ่หรืออาจจะมีอาการดังนี้ มีอาการปวดศีรษะปานกลางจนถึงขั้นรุนแรงทั้งสองข้างของศีรษะ ปวดหัวแบบตุบๆ มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน มีความไวต่อแสง หรือดวงตาแพ้แสง (photophobia) มีความไวต่อเสียง ไม่ชอบเสียงดังๆ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังอาจทำให้เกิดความวิตกกังวล มีความไวต่อกลิ่น (osmophobia) เป็นอาการของการกลัวกลิ่น กลิ่นบางกลิ่นอาจทำให้เกิดอาการกลัว วิตกกังวล และมีความเกี่ยวของกับอาการปวดหัวไมเกรน มีอาการปวดท้อง ซึ่งจริงๆ แล้วอาจเป็นอาการปวดท้องที่มีความเกี่ยวข้องกับไมเกรน บางครั้งก่อนที่จะมีอาการไมเกรน อาจมีปัญหาในการมองเห็น มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือมีปัญหาทางด้านการสื่อสาร สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกคุณอาจมีอาการ ปวดหัวไมเกรนในเด็ก มีอาการพูดช้า ไม่ชัด หรือสื่อสารไม่ได้ความ (Dysarthria) วิงเวียนศีรษะบ้านหมุน ได้ยินเสียงดังในหู เห็นภาพซ้อน (Diplopia) ซึ่งเป็นความผิดปกติของดวงตาที่จะเห็นวัตถุชิ้นเดียวเป็นสองชิ้น มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น การเคลื่อนไหวผิดปกติ กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานงานกัน ทำให้เกิดความผิดปกติในการเคลื่อนไหว เดินเงอะงะ ขาดสมาธิ […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

ทารกท้องเสีย เกิดจากอะไร ควรรับมือได้อย่างไรดี

ท้องเสีย อาจจะฟังดูเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่หากอาการรุนแรงก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพจนถึงขึ้นทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะสำหรับทารก ซึ่งปัญหาเรื่อง ทารกท้องเสีย อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความวิตกกังวล ดังนั้น การทราบถึงทราบถึงสาเหตุที่ทำให้ทารกท้องเสีย รวมถึงวิธีการดูแลลูกเมื่อท้องเสีย จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาเอาไว้ เพื่อจะได้รับมือได้อย่างทันท่วงที ตรวจเช็กตารางการฉีดวัคซีนของลูกน้อย ที่นี่ ขับถ่ายธรรมดากับ ทารกท้องเสีย แตกต่างกันอย่างไร การจะแยกความแตกต่างระหว่างอุจจาระธรรมดาของทารก กับอาการทารกท้องเสีย อาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากอุจจาระของทารกมักจะมีลักษณะเหลว มีสีแตกต่างกัน รงมถึงทารกอาจถ่ายบ่อยเป็นปกติอยู่แล้ว แต่การสังเกตความแตกต่างของอุจจาระแต่ละประเภทอาจทำได้ ดังนี้ อุจจาระของทารกที่กินนมแม่ ลักษณะอุจจาระของทารกที่กินนมแม่ อาจจะมีลักษณะเป็นสีเหลือง นิ่ม เหลว และอาจจะมีก้อนเล็กๆ ปะปนอยู่บ้าง เนื่องจากสิ่งที่ทารกรับประทานเข้าไปมีเพียงนมแม่เท่านั้น อุจจาระประเภทนี้อาจจะแยกออกจากอาการท้องเสียได้ค่อนข้างยาก อุจจาระของทารกที่กินนมผง ทารกที่กินนมผงอาจมีอุจจาระเป็นสีเหลืองเข้ม หรือสีออกน้ำตาล และมักจะมีความข้นหนืดมากกว่าอุจจาระของทารกที่กินนมแม่ โดยปกติแล้ว อาจสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของทารกที่กินนมผงได้อย่างง่ายดาย รวมถึงอาจสังเกตเห็นอาการท้องเสียในทารกได้อย่างรวดเร็ว อุจจาระของทารกที่กินทั้งนมแม่และนมผง อุจจาระของทารกที่กินทั้งนมแม่และนมผงจะมีลักษณะต่าง ๆ มากมาย โดยคุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตอาการท้องเสียได้ หากอุจจาระของทารกมีลักษณะที่แตกต่างไปจากปกติ เช่น อุจาระเหลวมากกว่าปกติ ถ่ายบ่อยมากกว่าปกติ อุจจาระของทารกท้องเสีย อาจมีลักษณะเป็นอุจจาระเหลว ไหลเป็นน้ำ อุจจาระมีสีเขียว หรือมีสีคล้ำกว่าปกติ มีกลิ่นเหม็นมาก และอาจมีมูกเลือดปน ทารกท้องเสีย เกิดจากอะไร สำหรับสาเหตุที่ทำให้ทารกท้องเสีย อาจมีดังนี้ การติดเชื้อไวรัส โรตาไวรัส (Rotavirus) […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

ลูกเป็นหวัด หายใจไม่สะดวก วิธีป้องกันและการดูแล

ลูกเป็นหวัด หายใจไม่สะดวก มักเกิดขึ้นในเด็กเล็ก โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนฤดูกาล ไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจเกิดจากไวรัสที่แตกต่างกันมากกว่า 200 ชนิด โดยเฉพาะไวรัสไรโน (Rhinovirus) ที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดที่พบบ่อยที่สุด โดยเด็กมักจะเป็นหวัดบ่อยกว่าผู้ใหญ่ บางครั้งเด็กอาจเป็นหวัดด้วยตัวเองหรือได้รับเชื้อมาจากผู้อื่นก็ได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคหวัด คืออะไร หวัด หรือ ไข้หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจเกิดจากไวรัสที่แตกต่างกันมากกว่า 200 ชนิด โดยเฉพาะไวรัสไรโน (Rhinovirus) ที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะเด็กที่มักจะเป็นหวัดบ่อยกว่าผู้ใหญ่ บางครั้งเด็กอาจเป็นหวัดด้วยตัวเองหรือได้รับเชื้อมาจากผู้อื่น สำหรับการได้รับเชื้อหวัดในเด็ก โดยมากมักติดเชื้อหวัดมาจากเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน การได้รับเชื้อทางอากาศ การได้รับเชื้อเข้าทางปากจากการหยิบจับสิ่งของที่มีเชื้อโรค และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนฤดู ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ร่างกายของเด็กอาจจะยังปรับตัวตามฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไม่ทัน จึงทำให้เป็นหวัดได้ง่าย อาการเมื่อ ลูกเป็นหวัด หายใจไม่สะดวก เมื่อลูกเป็นหวัด หายใจไม่สะดวก มักมีอาการโดยทั่วไปที่มักสังเกตเห็นได้ ดังนี้ มีอาการอ่อนเพลีย คัดจมูก เจ็บคอ มีน้ำมูกไหล มีอาการไอ สำหรับเด็ก ๆ ที่มีอาการหนัก อาจพบอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย มีน้ำที่ดวงตา หรือน้ำตาไหล จามบ่อยครั้ง หรือจามไม่หยุด รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง มีไข้สูงในบางครั้ง ทั้งนี้ […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

เด็กละเมอ เป็นเรื่องปกติหรือไม่ และเมื่อไหร่ที่ต้องกังวล

การเดินละเมอเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย แต่จะพบบ่อยในเด็ก ตามสถิติแล้วเด็ก 1 ใน 5 จะเดินละเมออย่างน้อย 1 ครั้ง นอกจากนี้อาการละเมอ สามารถเกิดขึ้นได้จนถึงตอนที่เป็นวัยรุ่น และบางครั้งอาจเกิดขึ้นจนถึงวัยที่เป็นผู้ใหญ่ เด็กละเมอ ถือเป็นเรื่องปกติหรือไม่ และเมื่อไหร่ที่คุณพ่อคุณแม่ควรกังวล การเดินละเมอ คืออะไร เดินละเมอ (Sleepwalking) เป็นอาการที่เด็กจะลุกขึ้นจากที่นอน และเดินไปขณะที่กำลังหลับอยู่ ซึ่งลักษณะแบบนี้ถือเป็นอาการเดินละเมอที่พบบ่อย นอกจากนี้ยังมีอาการเดินละเมออื่นๆ ได้แก่ ละเมอพูด ตื่นนอนยาก ดูงุนงง ไม่ตอบสนองเวลาพูดด้วย ลุกขึ้นมานั่ง เคลื่อนไหวแบบเดิมซ้ำๆ เช่น ขยี้ตา นอกจากนี้ เด็กที่เดินละเมอสามารถลืมตาได้ แต่จะมองไม่เห็นเหมือนตอนตื่น โดยลักษณะที่พบบ่อยคือเด็กจะคิดว่าพวกเขาอยู่ในห้องที่แตกต่างจากห้องที่บ้าน หรืออยู่ในสถานที่อื่น มากไปกว่านั้น เด็กๆ มีแนวโน้มที่จะมีอาการเดินละเมอภายใน 1-2 ชั่วโมงก่อนจะหลับ และอาจเดินไปที่ใดที่หนึ่งโดยใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่วินาที ถึง 30 นาที และในขณะที่พวกเขากำลังละเมอ ก็ยากที่จะปลุกให้ตื่น แต่เมื่อตื่นแล้วเด็กอาจรู้สึกงัวเงียและสับสนเป็นเวลา 1-2 นาที ถึงแม้ว่าจะเรียกว่าการเดินละเมอ แต่ก็อาจไม่ได้เป็นเพียงแค่การเดิน เนื่องจากการเดินละเมอสามารถหมายถึงอาการอื่นๆ ได้ และไม่ว่าเด็กๆ จะมีอาการละเมอในลักษณะใด พวกเขาก็มักจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนที่พวกเขาละเมอ ส่วนสาเหตุของการละเมอ มีดังนี้ สาเหตุของอาการเดินละเมอ การเดินละเมอนั้นพบได้ทั่วไปในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และถ้าพ่อแม่เคยมีอาการเดินละเมอตอนเด็ก ลูกก็มีแนวโน้มที่จะเดินละเมอด้วย ซึ่งสาเหตุของอาการเดินละเมออาจเกิดจาก นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออ่อนเพลีย นอนหลับไม่ตรงเวลา ป่วย หรือเป็นไข้ ยาบางชนิด ความเครียด ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน