ผู้ชายควรเข้ารับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ในกรณีต่อไปนี้
- มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน
- อายุ 45 ปีขึ้นไป
- มีภาวะน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน หรือมีค่าดรรชนีมวลกายมากกว่า 25
- มีพฤติกรรมเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน เช่น สูบบุหรี่จัด ไม่ชอบออกกำลังกาย ชอบรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำตาลหรือไขมัน
ตรวจระดับความดันโลหิต
ปกติแล้ว ระดับความดันโลหิตจะตรวจด้วยเครื่องวัดความดัน ซึ่งสวมเข้ากับต้นแขนของผู้เข้ารับการตรวจ และจะแสดงผลเป็นตัวเลข
ผู้ที่มีสุขภาพดี ระดับความดันโลหิตจะน้อยกว่าหรือเท่ากับ 120/80 มิลลิเมตรปรอท ส่วนการอ่านระดับความดันโลหิตที่สูงกว่านั้น มีความหมายดังนี้
- ระดับความดันโลหิตตัวบนอยู่ในช่วง 120–129 มิลลิเมตรปรอท และระดับความดันโลหิตตัวล่างน้อยกว่าหรือเท่ากับ 80 หมายถึง ระดับความดันโลหิตเริ่มสูง หรือมีแนวโน้มแย่ลงในอนาคต
- ระดับความดันโลหิตตัวบนสูงกว่าหรือเท่ากับ 130 มิลลิเมตรปรอท และระดับความดันโลหิตตัวล่างสูงกว่าหรือเท่ากับ 80 หมายถึง ระดับความดันโลหิตสูง ถือว่ามีความเสี่ยงเป็นของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด
ทั้งนี้ ผู้ชายอายุ 18 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจระดับความดันโลหิตทุก ๆ 2-5 ปี และควรเข้ารับการตรวจทุก ๆ 1 ปี หากมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- อายุ 40 ปีขึ้นไป
- เป็นโรคอ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักเกิน
- มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหัวใจหรือโรคเบาหวาน
ตรวจความสมบูรณ์ของเลือด
การตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (Complete Blood Count) เป็นการตรวจระดับองค์ประกอบของเลือด เพื่อหาความผิดปกติของร่างกาย เช่น โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ภาวะโลหิตจาง การติดเชื้อ ซึ่งสัมพันธ์กับระดับองค์ประกอบของเลือด
สำหรับค่าปกติขององค์ประกอบของเลือดในเพศชาย มีรายละเอียดดังนี้
- เซลล์เม็ดเลือดแดง ควรอยู่ที่ระดับ 4,500,000-5,900,000 เซลล์/ไมโครลิตร
- เซลล์เม็ดเลือดขาว ควรอยู่ที่ระดับ 4,500-11,000 เซลล์/ไมโครลิตร
- เกล็ดเลือด ควรอยู่ที่ระดับ 150,000-450,000 เกล็ดเลือด/ไมโครลิตร
- โปรตีนฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ควรอยู่ที่ระดับ 14-17.5 กรัม/เดซิลิตร
- ฮีมาโทคริต (Hematocrit) หรือความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงต่อปริมาณเลือดทั้งหมด ควรอยู่ที่ระดับ 5-50.4 เปอร์เซ็นต์
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย