backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก

ฝีที่อวัยเพศหญิง สาเหตุ อาการ การรักษา

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอธิภัทร์ นวลละออง · สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลสมุทรสาคร


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 18/01/2024

ฝีที่อวัยเพศหญิง สาเหตุ อาการ การรักษา

ฝีที่อวัยเพศหญิง อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยหนึ่งในสาเหตุนั้นคือ ฝีต่อมบาร์โธลิน (Bartholin’s abscess) เกิดจากการอุดตันของต่อมบาร์โธลินที่อยู่บริเวณปากช่องคลอดทั้ง 2 ข้าง ทำให้ต่อมบาร์โธลินขยายใหญ่ขึ้น ร่วมกับมีการติดเชื้อ ทำให้มีลักษณะเป็นฝี และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ไข้ ปวดบวมบริเวณอวัยวะเพศ อาการระคายเคืองระหว่างมีเพศสัมพันธ์ รู้สึกไม่สบายตัวขณะเดิน วิ่ง หรือนั่ง

คำจำกัดความ

ฝีที่อวัยวะเพศหญิง คืออะไร

ฝีที่อวัยเพศหญิง หรือ ฝีต่อมบาร์โธลิน คือ การที่ต่อมบาร์โธลิน ซึ่งเป็นต่อมที่อยู่บริเวณปากช่องคลอดทั้ง 2 ข้าง มีหน้าที่หลั่งน้ำหล่อลื่นภายในช่องคลอด เพื่อช่วยให้ช่องคลอดชุ่มชื้น และลดความระคายเคืองขณะมีเพศสัมพันธ์ มีการอุดตันทำให้น้ำหล่อลื่นที่ต่อมผลิตไม่สามารถหลั่งออกมาได้ ทำให้ต่อมขยายใหญ่ขึ้น และรู้สึกไม่สบายตัวขณะเคลื่อนไหวแต่มักไม่ส่งผลอันตราย อย่างไรก็ตามหามีการติดเชื้อจะทำให้กลายเป็นฝีที่อวัยวะเพศหญิง โดยสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้หลายครั้ง

อาการ

อาการฝีที่อวัยวะเพศหญิง

ฝีที่อวัยวะเพศหญิง หากไม่มีการติดเชื้อ อาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • อาการบวมเป็นก้อนที่บริเวณปากช่องคลอดข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้าง
  • อาการไม่สบายตัวขณะเคลื่อนไหวหรือมีเพศสัมพันธ์

หากต่อมบาร์โธลินเกิดการติดเชื้อ อาจทำให้มีอาการดังต่อไปนี้

  • มีไข้
  • หนาวสั่น
  • เจ็บปวดช่องคลอดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • เคลื่อนไหวลำบาก
  • อาจมีหนองไหลออกจากมา

ควรเข้าพบคุณหมอทันทีหากสังเกตว่ามีการอาการเจ็บปวดช่องคลอด หรือพบก้อนนูนขึ้นใหม่หลังจากรักษาหาย เพราะสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้

สาเหตุ

สาเหตุของฝีที่อวัยวะเพศหญิง

ฝีที่อวัยวะเพศหญิง มีสาเหตุมาจากของเหลวอุดตันในต่อมบาร์โธลิน หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อ เช่น แบคทีเรียอีโคไล (E. coli) เชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย โกโนเรียอี (Neisseria gonorrhoeae) เชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย (Chlamydia) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของฝีที่อวัยวะเพศหญิง

ปัจจัยเสี่ยงของฝีที่อวัยวะเพศหญิง มีดังนี้

  • อายุระหว่าง 20-30 ปี
  • เคยมีประวัติเป็นฝีที่อวัยวะเพศหญิงหรือต่อมบาร์โธลินอักเสบมาก่อน
  • เคยผ่าตัดช่องคลอดหรือบริเวณแคมช่องคลอด
  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

การวินิจฉัยและการรักษา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยฝีที่อวัยวะเพศหญิง

วิธีการวินิจฉัยฝีที่อวัยวะเพศหญิง มีดังนี้

  • คุณหมออาจสอบถามประวัติสุขภาพและประวัติการรักษาเบื้องต้น
  • ตรวจอุ้งเชิงกราน
  • เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากช่องคลอดหรือบริเวณปากมดลูก เพื่อตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ตรวจหาเซลล์มะเร็ง

การรักษาฝีที่อวัยวะเพศหญิง

การรักษาฝีที่อวัยวะเพศหญิง อาจทำได้ดังนี้

  • แช่น้ำอุ่น การแช่น้ำในอ่างน้ำอุ่น วันละหลาย ๆ ครั้ง เป็นเวลา 3-4 วัน อาจช่วยให้ของเหลวในฝีที่อวัยวะเพศระบายออกได้ไวขึ้นและช่วยลดขนาดของฝี
  • ยาปฏิชีวนะ คุณหมออาจให้รับประทานยาปฏิชีวนะในกรณีที่ฝีมีการติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่หากมีการระบายของเหลวอย่างถูกต้อง อาจไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ
  • การใส่สายสวน เหมาะสำหรับผู้หญิงที่เป็นฝีขนาดใหญ่และมีการติดเชื้อ โดยคุณหมอจะทำการกรีดฝีที่อวัยวะเพศ และใส่สายสวนเพื่อระบายของเหลวที่อยู่ภายในฝีออกจนหมด ทำให้ฝีมีขนาดเล็กลง
  • การเลเซอร์ เป็นการใช้ลำแสงที่มีความเข้มข้นสูงเปิดช่องระบายของเหลวที่อยู่ในฝีที่อวัยวะเพศ
  • การผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาใด ๆ หรือมีฝีขนาดใหญ่คุณหมออาจจำเป็นต้องผ่าตัดฝีออกทั้งหมด เพื่อป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อรุนแรง

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันฝีที่อวัยวะเพศหญิง

การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันฝีที่อวัยวะเพศหญิง อาจทำได้ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอวัยวะเพศที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม
  • หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด และซับอวัยวะเพศให้แห้งทุกครั้งหลังจากขับถ่าย โดยเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อป้องกันเชื้อโรคจากทวารหนัก
  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • เช้ารับการตรวจคัดกรองโรคประจำปี

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด



ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงอธิภัทร์ นวลละออง

สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลสมุทรสาคร


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 18/01/2024

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา