เป็นยาปฏิชีวนะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ และอาจมีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคซึ่งการใช้ยาเจมิฟลอกซาซินต้องได้รับการวินิจฉัยจากคุณหมอเท่านั้น โดยรับประทานวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน 7 วัน หรืออาจนานกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของการติดเชื้อและต้องรับประทานในเวลาเดียวกันเป็นประจำทุกวัน อย่างไรก็ตาม การรับประทานยาเจมิฟลอกซาซิน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เหนื่อยง่าย ปวดท้อง หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นเวลานานหรือมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น ผื่น ผิวลอก คัน ลมพิษ บวมที่ตา ใบหน้า ลิ้น ลำคอ ริมฝีปาก หายใจหรือกลืนลำบาก เสียงแหบ ควรเข้าพบคุณหมอทันที
ยาเจนตามัยซิน (Gentamicin)
เป็นยาปฏิชีวนะใช้รักษาโรคร้ายแรงที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย คุณหมอมักให้ยาชนิดนี้ในการรักษาโรคหนองในหากผู้ป่วยมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะกลุ่มเซฟาโลสปอริน โดยคุณหมอจะฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำหรือเข้ากล้ามเนื้ออย่างช้า ๆ ในช่วง 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง ในทุก ๆ 6 หรือ 8 ชั่วโมง สำหรับระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ยาเจนตามัยซินอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ความอยากอาหารลดลง ปวดบริเวณที่ฉีด ปวดหัว มีไข้ ปวดข้อ เหนื่อยง่าย หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นเวลานานหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ผื่น ผิวลอก คัน ลมพิษ บวมที่ตา ใบหน้า ลิ้น ลำคอ ริมฝีปาก หายใจหรือกลืนลำบาก เสียงแหบ ควรเข้าพบคุณหมอทันที
ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin)
เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น มีทั้งแบบรับประทานและแบบฉีด โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย สำหรับระยะเวลาและปริมาณของยาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและการพิจารณาของคุณหมอ สำหรับยารับประทาน คุณหมออาจแนะนำให้รับประทานวันละ 2 ครั้งเช้าและเย็น สำหรับยาแบบฉีด คุณหมอจะฉีดยาไซโปรฟลอกซาซินเข้าทางหลอดเลือดดำ ใช้เวลาประมาณ 60 นาที ในทุก ๆ 8 หรือ 12 ชั่วโมง ซึ่งขนาดยาและระยะเวลาในการรับยาขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณหมอ โดยการใช้ยาไซโปรฟลอกซาซินอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ มึนงง ปวดหัว หรือนอนไม่หลับ หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นเวลานานหรืออาการแย่ลง ควรเข้าพบคุณหมอทันที
ในระหว่างการรักษาโรคหนองในควรงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาเสร็จสิ้น และหลังการรักษาควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 7 วัน ก่อนกลับมามีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง
ในบางกรณีเชื้อแบคทีเรียอาจมีภาวะดื้อยาทำให้การรักษาในครั้งแรกไม่เป็นผลสำเร็จ คุณหมอจึงอาจทำการรักษาเพิ่มเติมเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียทั้งหมด โดยเชื้อแบคทีเรียเกือบทุกชนิดอาจเกิดภาวะดื้อยาไซโปรฟลอกซาซินได้มากขึ้น คุณหมอจึงอาจฉีดยาเซฟไตรอะโซนร่วมกับยาอะซิโทรมัยซิน เพื่อช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยา และไม่แนะนำให้ซื้อยามารับประทานเองเพราะอาจทำให้เกิดภาวะดื้อยาที่รุนแรงขึ้นได้
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นหนองใน
การปรับพฤติกรรมเพื่อดูแลตัวเองในขณะที่เป็นหนองใน อาจทำได้ดังนี้
- หากพบว่าตัวเองมีอาการเจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ มีหนองออกจากปลายองคชาต ปวดและบวมที่ลูกอัณฑะ ตกขาวเพิ่มขึ้น เลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องหรือปวดอุ้งเชิงกราน ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพทางเพศทันที ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองเพราะอาจทำให้เชื้อดื้อยาและทำให้รักษาให้หายยากขึ้น
- งดการมีเพศสัมพันธ์หรือการช่วยตัวเองในระหว่างการรักษาโรคหนองใน เพื่อป้องกันการอักเสบและการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ให้คู่นอนเข้ารับการตรวจโรคหนองในและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงทีและป้องกันการแพร่กระจายของโรค
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ด้วยสบู่สูตรอ่อนโยนและน้ำเปล่า เพื่อขจัดการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค จากนั้นควรซับอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอเพื่อป้องกันการอับชื้นที่อาจเป็นที่อยู่ของเชื้อโรค
- ไม่ควรใช้หรือแบ่งปันของใช้ส่วนตัวกับผู้อื่น โดยเฉพาะในขณะที่เป็นโรคหนองใน เพราะอาจทำให้เชื้อแพร่กระจายได้
- ไม่ควรรีดหนองในด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อลุกลาม อาการบวมแดง เจ็บปวดมากขึ้น
- ใช้ยาตามนำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด และเข้าพบคุณหมอตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การรักษาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย