การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยสิว
การวินิจฉัยสิวคุณหมออาจตรวจสภาพผิวในบริเวณที่เกิดสิวว่ามีลักษณะและอาการรุนแรงมากแค่ไหน เพื่อเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะสม ดังนี้
- สิวไม่รุนแรง ส่วนใหญ่เป็นสิวหัวขาวและสิวหัวดำ อาจมีเลือดคั่งและเป็นตุ่มหนองเล็กน้อย
- สิวรุนแรงปานกลาง สิวที่มีลักษณะแพร่กระจายบนผิวหนังมากขึ้น
- สิวรุนแรงมาก มีตุ่มหนอง เลือดคั่งขนาดใหญ่ และทำให้มีอาการปวด อาจเป็นก้อนหรือซีสต์จำนวนมาก และอาจเป็นแผลเป็น
การรักษาสิว
การรักษาสิวอาจขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว ดังนี้
การรักษาเฉพาะที่ (เจล ครีม และโลชั่น)
การรักษาด้วยยาในรูปแบบเจล ครีม หรือโลชั่น ใช้รักษาสิวตั้งแต่ในระดับไม่รุนแรงจนถึงรุนแรงมาก ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณหมอ ได้แก่
- เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เป็นยาฆ่าเชื้อที่ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียบนผิวหนัง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และยังช่วยลดจำนวนสิวหัวขาวและสิวหัวดำได้ ควรใช้หลังจากล้างหน้าหรือทำความสะอาดผิว 20 นาที โดยทาให้ทั่วบริเวณที่มีสิว อาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น ผิวแห้งตึง คัน แสบร้อน ผิวลอก รอยแดง ผิวหนังบาง ผลข้างเคียงเหล่านี้มักหายไปเมื่อเสร็จสิ้นการรักษา
- เรตินอยด์เฉพาะที่ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกในรูขุมขน และลดรอยดำได้ ใช้วันละครั้งก่อนนอน โดยทาบริเวณที่สิวหลังทำความสะอาดผิว 20 นาที อาจมีผลข้างเคียงทำให้ระเคืองผิวและแสบผิวเล็กน้อย ยาชนิดนี้ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์
- ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง คุณหมออาจแนะนำให้ใช้เพียงประมาณ 6 – 8 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงแบคทีเรียดื้อยาซึ่งอาจทำให้สิวแย่ลงได้ อาจมีผลข้างเคียงทำให้ระคายเคืองผิว รอยแดง และผิวลอก
- กรดอะเซลาอิก (Azelaic acid) เป็นยาทางเลือกรักษาสิว หากยาชนิดอื่นทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก กรดอะเซลาอิกช่วยกำจัดผิวที่ตายแล้วและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดรอยดำได้ อาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวไหม้ แสบ คัน ผิวแห้ง และรอยแดง
ยาปฏิชีวนะสำหรับรับประทาน
ยาปฏิชีวนะแบบเม็ด เป็นยารับประทานมักใช้ร่วมกับการรักษาเฉพาะที่เพื่อรักษาสิวที่รุนแรง ส่วนใหญ่ใช้ยาดอกซีไซคลีนเตตราไซคลีน (Doxycycline) แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรจะใช้ยาอม็อกซีซิลินอิโทรมัยซิน (Amoxycillin) ใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผิวด้วย
การรักษาด้วยฮอร์โมน
การรักษาด้วยฮอร์โมนมักเหมาะกับผู้หญิงที่เป็นสิวฮอร์โมน ที่เกิดสิวอาจเกิดขึ้นเฉพาะบางช่วงเวลา เช่น กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ ซึ่งรักษาด้วยยาเม็ดคุมกำเนิดแบบผสมจะทำให้สิวดีขึ้นตามลำดับ แต่อาจใช้ระยะเวลานานถึง 1 ปี
Co-cyprindiol
Co-cyprindiol เป็นการรักษาด้วยฮอร์โมนมักใช้รักษาสิวที่รุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ช่วยลดการผลิตน้ำมันบนผิว อาจใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 2 – 6 เดือน
ผลข้างเคียงอาจทำให้ปวดหัว เจ็บหน้าออก อารมณ์แปรปรวน อารมณ์ทางเพศลดลง และผู้หญิงอาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมในอนาคตได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย