หากสังเกตตนเองแล้วพบว่ามีอาการปวดท้องรุนแรงไม่ว่าจะข้างใดข้างหนึ่ง ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาทันที เพราะอาการที่พบอาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของอาการ ถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticula)
[embed-health-tool-bmi]
คำจำกัดความ
ถุงผนังลำไส้อักเสบ คืออะไร
โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticula) คือโรคที่ผนังช่องท้อง หรือลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง มีการอักเสบและโป่งพองนูนออกมา ในบางครั้งอาจส่งผลให้มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และเกิดการติดเชื้อร่วมด้วย อย่างไรก็ตามผู้ที่มีความกังวลใจว่าตนเองอาจกำลังเผชิญกับถุงผนังลำไส้อักเสบนี้อยู่ สามารถเข้ารับการตรวจร่างกายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ในทันที เพื่อรับทราบอาการเบื้องต้น และรับการรักษาได้อย่างเท่าทัน
ถุงผนังลำไส้อักเสบ พบได้บ่อยเพียงใด
โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยาก พบได้มากในช่วงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีการรายงานระบุไว้ว่า โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ ยังสามารถพบได้ในกลุ่มผู้ที่มีประวัติทางสุขภาพเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนในช่วงวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ได้ไม่แพ้กันอีกด้วย
อาการ
อาการของ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ
สัญญาณเตือนแรกที่บ่งบอกว่าเสี่ยงจะเป็นโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ คือความผิดปกติที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับปัญหาของช่องทางเดินอาหาร และระบบการขับถ่าย เช่น ปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องร่วง ท้องผูก
แต่หากเป็นโรคถุงผนังลำไส้อักเสบแล้ว อาจมีอาการดังต่อไปนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้องอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณด้านซ้าย และด้านขวาของช่องท้อง
- อุจจาระเป็นเลือด
- มีเลือดออกผ่านทางทวารหนัก
- เป็นไข้
- ปัสสาวะบ่อยครั้ง
สาเหตุ
สาเหตุของถุงผนังลำไส้อักเสบ
การที่ถุงผนังของลำไส้เกิดโป่งพองออกมา อาจเป็นไปได้ว่ามีสาเหตุมาจากการที่ส่วนผนังลำไส้อ่อนแอกว่าปกติ และไม่สามารถต้านแรงดันภายในลำไส้ใหญ่ได้ จนส่งผลให้ผนังลำไส้เกิดการโป่งพองขึ้น นอกจากนี้ การขาดสารอาหารประเภท ไฟเบอร์ ก็มีอาจมีส่วนที่ทำให้เสี่ยงเกิด โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ ได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากการขาดไฟเบอร์อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก และสร้างแรงดันระหว่างอุจจาระที่มากเกินไป
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดถุงผนังลำไส้อักเสบ
- ขาดการออกกำลังกาย
- รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
- การสูบบุหรี่
- โรคอ้วน
- ภาวะทางสุขภาพของอายุที่มากขึ้น
- ยาบางชนิดทั้งแบบสเตียรอยด์ และที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัย โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ
แพทย์อาจเริ่มการวินิจฉัยด้วยการตรวจสุขภาพภายในช่องท้องด้วย CT Scan ที่สามารถระบุถึงการอักเสบ และการติดเชื้อที่ถุงผนังลำไส้ พร้อมมีการถามถึงประวัติทางการแพทย์เล็กน้อยร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด ก่อนดำเนินการรักษาด้วยเทคนิคต่าง ๆ
การรักษา โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ
วิธีการรักษาโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ อาจมีดังต่อไปนี้
- รับประทานยาบรรเทาอาการปวด และยาปฏิชีวนะ ตามแพทย์กำหนด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เช่น อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) มอกซิฟลอกซาซิน(Moxifloxacin) เมโทรนิดาโซล (Metronidazole)
- การสอดท่อเพื่อระบายฝีและหนอง สำหรับผู้ป่วยบางกรณี
- ให้ยาปฏิชีวนะผ่านทางหลอดเลือดดำ แทนการรับประทาน
- การผ่าตัดเทคนิคด้วยเทคนิค Anastomosis เพื่อนำลำไส้ส่วนที่ติดเชื้อออก และเชื่อมนำเนื้อเยื่อส่วนที่ดีต่อกลับ
- การผ่าตัดเทคนิคด้วยเทคนิค Colostomy เป็นการผ่าตัดนำเนื้อเยื่อบางส่วนที่ไม่ดีออกไปเช่นเดียวกัน แต่อาจเป็นการผ่าตัดแบบเปิดแผลใหญ่กว่า เพื่อเปิดช่องหน้าท้องนำเนื้อเยื่อส่วนที่ดีของลำไส้มาเชื่อมต่อกัน
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือการเยียวยาตนเองเพื่อป้องกันและรักษาถุงผนังลำไส้อักเสบ
โดยทั่วไป ผู้ที่เป็นโรคถุงผนังลำไส้อักเสบจำเป็นต้องปรับการรับประทานอาหารใหม่ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยหันมาเน้นกินอาหารประเภทที่มีไฟเบอร์สูง จำพวกผักและผลไม้ ให้สมส่วนกับการกินเนื้อสัตว์ในแต่ละมื้อ อีกทั้งควรออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ เพื่อรักษาสมดุลของน้ำหนักไว้ไม่ให้เกินมาตรฐานจนนำไปสู่โรคอ้วนที่เสี่ยงต่อการเกิด โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ