อาการที่มีเลือดออกทางทวารหนัก หรือ ถ่ายเป็นเลือด (Rectal Bleeding) ส่วนใหญ่มักได้รับการสันนิษฐานว่า เป็นเลือดที่ไหลมาจากลำไส้ส่วนล่างหรือไส้ตรง
 
คำจำกัดความ
ถ่ายเป็นเลือด คืออะไร
อาการถ่ายเป็นเลือด (Rectal Bleeding) หรือเลือดออกทางทวารหนัก หรืออุจจาระมีเลือดปน คืออาการที่มีเลือดไหลผ่านออกมาทางทวารหนัก ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเลือดที่ไหลจากลำไส้ส่วนล่างหรือลำไส้ตรง (Rectum)
อาการถ่ายเป็นเลือด อาจอยู่ในรูปแบบของเลือดที่ปนอยู่ในอุจจาระ ในกระดาษชำระ หรือในโถส้วม โดยเลือดที่เกิดจากภาวะถ่ายเป็นเลือดมักเป็นสีแดงสด แต่บางครั้งก็เป็นสีแดงอมน้ำตาล
ถ่ายเป็นเลือด พบได้บ่อยเพียงใด
อาการถ่ายเป็นเลือด ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่จะพบได้ในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่าย เช่น ท้องผูก อุจจาระแข็ง ริดสีดวงทวาร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษาคุณหมอ
อาการ
อาการ ถ่ายเป็นเลือด มีอะไรบ้าง
อาการที่ชัดเจนที่สุดของ อาการถ่ายเป็นเลือด คือ มีเลือดสีแดงติดมากับกระดาษชำระที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน หรือมีเลือดปนออกมากับอุจจาระในชักโครกหรือโถส้วม อย่างไรก็ตาม จำเป็นที่จะต้องสังเกตสีของเลือดและสีอุจจาระอยู่เสมอ เนื่องจากสามารถบ่งชี้ถึงลักษณะอาการต่าง ๆ ได้
- เลือดสีแดงสด บ่งชี้ถึงอาการเลือดออกในบริเวณทางเดินอาหารส่วนล่าง เช่น ลำไส้หรือไส้ตรง
 - เลือดสีแดงคล้ำ หรือสีเหมือนไวน์ บ่งชี้ถึงอาการเลือดออกในบริเวณลำไส้เล็ก หรือลำไส้ส่วนต้น
 - อุจจาระสีดำและคล้ำ บ่งชี้ถึงอาการเลือดออกจากกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนบน
 
อาการอื่น ๆ ที่พบได้ในภาวะถ่ายเป็นเลือด ได้แก่
- ความงุนงง
 - หน้ามืด
 - เวียนศีรษะ
 - ปวดบริเวณลำไส้ตรง (Rectal pain)
 - ปวดในช่องท้องหรือเป็นตะคริว (cramping)
 
อาจมี อาการถ่ายเป็นเลือด ลักษณะอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีข้อกังวลเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาคุณหมอ
ควรไปพบหมอเมื่อใด
คุณควรไปพบหมอหากมีอาการดังต่อไปนี้
- มีเลือดปนในอุจจาระของเด็กเล็กหรือเด็กทารก
 - มีเลือดปนในอุจจาระนานติดต่อกันเป็นเวลา 3 สัปดาห์
 - อุจจาระมีลักษณะนิ่ม ฃฃฃฃฃฃฃฃฃฃฃฃฃฃฃฃฃบาง หรือยาวกว่าปกติ นานติดต่อกันเป็นเวลา 3 สัปดาห์
 - มีอาการปวดรุนแรงที่บริเวณบั้นท้าย
 - มีอาการปวดหรือรู้สึกว่ามีก้อนในช่องท้อง
 - รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ
 - น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
 
และควรไปพบคุณหมอทันที ถ้าหาก
- อุจจาระมีสีดำหรือแดงคล้ำ
 - มีอาการท้องเสียเป็นเลือด โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
 
สาเหตุ
สาเหตุของอาการถ่ายเป็นเลือด
อาการถ่ายเป็นเลือด อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ดังนี้
สาเหตุที่พบได้ทั่วไป
- แผลที่ทวารหนัก (Anal fissure)
 - ท้องผูกเรื้อรัง (Chronic constipation)
 - อุจจาระแข็ง (Hard stools)
 - ริดสีดวง (Hemorrhoids)
 
สาเหตุที่พบได้ไม่มากนัก
- มะเร็งทวารหนัก (Anal cancer)
 - หลอดเลือดผนังลำไส้ใหญ่ขยายตัว (Angiodysplasia)
 - มะเร็งลำไส้ (Colon cancer)
 - ติ่งเนื้อในลำไส้ (Colon polyps)
 - โรคโครห์น (Crohn’s disease)
 - ไส้ตรงอักเสบ (Proctitis)
 - ลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ (Pseudomembranous colitis)
 - การฉายแสง (Radiation therapy)
 - มะเร็งไส้ตรง (Rectal cancer)
 - แผลที่ผนังไส้ตรง (Solitary rectal ulcer syndrome)
 - โรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล (Ulcerative colitis)
 - ท้องเสีย (Diarrhea) ทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ทวารหนัก
 - โรคกระเปาะของลำไส้ใหญ่ (Diverticulosis) มีถุงนูนที่ก่อตัวขึ้นที่ผนังลำไส้
 - ลำไส้ใหญ่อักเสบ (Ischemic colitis) ลำไส้ใหญ่อักเสบจากการขาดเลือด
 
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของอาการถ่ายเป็นเลือด
ปัจจัยเสี่ยงของ อาการถ่ายเป็นเลือด มีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย ดังนี้
- แก๊สในช่องท้อง การมีแก๊สในช่องท้องปริมาณมากจะเพิ่มแรงดันต่อทวารหนัก เสี่ยงที่จะเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก
 - โรคพิษสุราเรื้อรัง หากเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เสี่ยงที่จะมีอาการเส้นเลือดบวมในหลอดอาหาร และเกิดการแตก ทำให้มีเลือดออกในหลอดอาหาร
 - อาการท้องผูก การอุจจาระไม่ออก หรืออุจจาระแข็งจนขับถ่ายไม่ออก เสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บขณะขับถ่ายจนทำให้มีเลือดปนออกมาเวลาที่มีการขับถ่าย
 - พันธุกรรม หากสมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคที่มีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคโครห์น ลำไส้อักเสบ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะพบกับ อาการถ่ายเป็นเลือด
 - อายุ เมื่ออายุมากขึ้นหลอดเลือดในลำไส้จะอ่อนแอลง เสี่ยงที่จะมีอาการเลือดออกในลำไส้และปนมากับอุจจาระ
 
อาจมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษากับคุณหมอ
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยอาการถ่ายเป็นเลือด
คุณหมอสามารถทำการวินิจฉัย อาการถ่ายเป็นเลือด ได้หลายวิธี ดังนี้
- ทำการซักประวัติว่าเริ่มมีอาการถ่ายเป็นเลือดเมื่อใด มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่
 - คุณหมอจะทำการตรวจโดยการสวมถุงมือและสารหล่อลื่นเข้าไปในทวารหนักเพื่อตรวจหาความผิดปกติ เช่น ริดสีดวงทวาร
 - คุณหมออาจทำการส่องกล้องเพื่อตรวจหาความผิดปกติในทวารหนัก
 - นำตัวอย่างอุจจาระไปเข้ากระบวนการตรวจในห้องแล็บ
 - ตรวจร่างกายโดยแพทย์เฉพาะทาง
 - คุณหมออาจทำการตรวจนับเม็ดเลือด เพื่อดูว่าร่างกายสูญเสียเลือดมากเกินไปหรือไม่
 
การรักษาอาการถ่ายเป็นเลือด
คุณหมอสามารถทำการรักษา อาการถ่ายเป็นเลือดได้หลายวิธี ดังนี้
- รักษาโดยการสอดกล้องเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร เพื่อตรวจหาบริเวณที่มีเลือดออก จากนั้นจะทำการห้ามเลือดโดยการใช้สารเคมี การเลเซอร์ หรือใช้กระแสไฟฟ้า ผ่านเข้าไปทางหลอดเลือดดำ
 - รักษาโดยการถ่ายเลือด
 - รักษาโดยการระบายน้ำออกจากกระเพาะอาหาร
 - รักษาโดยการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
 - รักษาตามสาเหตุ เช่น มีอาการถ่ายเป็นเลือดจากริดสีดวงทวาร คุณหมอจะทำการรักษาริดสีดวงทวารให้ดีขึ้น เพื่อบรรเทาอาการถ่ายเป็นเลือด หรือถ้าขับถ่ายเป็นเลือดจากอาการท้องผูก คุณหมออาจแนะนำให้มีการรับประทานอาหารที่ให้ไฟเบอร์สูง เพื่อกระตุ้นให้มีการขับถ่ายตามปกติ
 
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง
การเปลี่ยนไล์สไตล์และการเยียวยาตนเองที่อาจช่วยจัดการกับคอตีบการถ่ายเป็นเลือด
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองต่อไปนี้ อาจช่วยป้องกัน อาการถ่ายเป็นเลือด ได้
- รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
 - ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
 - รักษาความสะอาดบริเวณไส้ตรง
 - ดื่มน้ำมาก ๆ
 
[embed-health-tool-bmr]




















