สัปดาห์ที่ 2 : นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ระหว่างนอนหลับ ร่างกายจะเข้าสู่โหมดพักผ่อน อัตราการเต้นของหัวใจจะลดลงมาอยู่ที่40-50 ครั้ง/นาทีซึ่งช้ากว่าขณะตื่น ความดันโลหิตจะลดลง การหายใจเข้า-ออกจะคงที่และสม่ำเสมอ ซึ่งอาจทำให้ความเครียดของหัวใจลดลง และช่วยให้หัวใจฟื้นตัวจากความเครียดที่เกิดขึ้นขณะตื่นนอน อีกทั้งในช่วงที่นอนหลับ ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ จึงควรนอนหลับให้เพียงพอ
หากนอนหลับไม่เพียงพอทำให้เสี่ยงเกิดโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน รวมไปถึงโรคซึมเศร้า ซึ่งล้วนเป็นภาวะที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจ และอาจทำให้เกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจวาย ระยะเวลาในการนอนหลับที่เหมาะสมกับคนแต่ละช่วงวัย มีดังนี้
- เด็กวัยรุ่นอายุ 13-18 ปี : ใน 24 ชั่วโมง ควรนอนหลับอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง
- ผู้ใหญ่อายุ 18-60 ปี : ใน 1 คืน ควรนอนหลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมง
- ผู้ใหญ่อายุ 61-64 ปี : ใน 24 ชั่วโมง ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมง
- ผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป : ใน 24 ชั่วโมง ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
คุณภาพการนอนหลับที่ดี เช่น การนอนหลับเต็มอิ่ม ตื่นมาแล้วไม่เพลีย ไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก ก็สำคัญต่อสุขภาพหัวใจไม่แพ้ปริมาณชั่วโมงในการนอนหลับ การเตรียมตัวก่อนเข้านอนอย่างเหมาะสมด้วยวิธีต่อไปนี้ อาจช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับได้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน เบเกอรี่ หมูกระทะ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
- ควรทำกิจกรรมทางกายที่ใช้พลังงานมากในระหว่างวัน และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เนื่องจากการออกกำลังกายมักเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายและอาจทำให้นอนหลับยาก
- ควรนอนหลับให้เป็นเวลา เข้านอนและตื่นนอนในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันในทุกวัน จะช่วยให้วงจรของระบบการทำงานในร่างกาย (Circadian Rhythms) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สัปดาห์ที่ 3 : ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายจะช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง อาจช่วยป้องกันความเสียหายจากภาวะทางสุขภาพต่าง ๆ เช่น ระดับคอเลสเตอรอลสูง ระดับความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ที่อาจทำให้เกิดโรคหัวใจ การออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของหัวใจ อาจมีดังนี้
- การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic exercise) เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นเทนนิส กระโดดเชือก จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ส่งผลให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจลดลง เสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ หรือ 30 นาที/วัน เป็นเวลา 5 วัน/สัปดาห์
- การออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน (Resistance training) เช่น การออกกำลังกายแบบต้านทานน้ำหนักของร่างกายอย่างการวิดพื้น การสควอท การโหนบาร์ เป็นต้น การออกกำลังกายโดยใช้เครื่องยกน้ำหนักอย่างแฮนด์เวท ดัมเบล บาร์เบลล์ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรง โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อย 2-3 วัน/สัปดาห์ รวมประมาณ 60-90 นาทีต่อสัปดาห์ โดยควรพักกล้ามเนื้อ 1-2 วันหลังออกกำลังกาย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย