ข้อมูลที่นำเสนอมิได้ใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยความดันโลหิตสูง
การตรวจวัดความดันโลหิตเพื่อหาค่าความดันโลหิตทำได้โดยการใช้เครื่องมือทางแพทย์ที่เรียกว่า เครื่องวัดความดันโลหิต (sphygmomanometer) โดยจะพันปลอกแขนที่พองลมได้ที่รอบแขนส่วนบน และบีบลมเพื่อให้มีความดันสูงกว่าค่าความดันซิสโตลิค เมื่อปล่อยลมออกจากปลอกแขน เสียงแรกจะบ่งชี้ค่าความดันซิสโตลิค (systolic blood pressure) เมื่อเสียงหายไป จะเป็นค่าความดันไดแอสโตลิค (diastolic blood pressure) หากค่าความดันโลหิตสูง จำเป็นต้องมาพบแพทย์เพื่อติดตามและยืนยันอาการความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยบางรายอาจมีความดันโลหิตสูงเมื่ออยู่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น เรียกว่าเป็นความดันโลหิตสูงไวท์โค้ต (white-coat hypertension) แพทย์อาจสั่งให้วัดความดันโลหิตที่บ้าน เพื่อป้องกันอาการดังกล่าว
การรักษาความดันโลหิตสูง
แพทย์จะแนะนำแผนการรักษาต่าง ๆ ตามอาการของผู้ป่วยแต่ละรายแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่มักใช้วิธีเหล่านี้ ซึ่งได้แก่ การใช้ยา การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และตัวช่วยอื่น ๆ
- การใช้ยา ตัวเลือกการใช้ยา ได้แก่ ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) ยาลดความดันโลหิตกลุ่ม ACE inhibitors ยากลุ่มแองจิโอเทนซิน ทู รีเซ็ปเตอร์ บล็อกเกอร์ (Angiotensin II receptor blocker) หรือ ARB ยากลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta-blocker) ยากลุ่มแคลเซียมแชนเนลล็อกเกอร์ (Calcium channel blocker) และยากลุ่มไดเร็ค เรนิน อินฮิบิเตอร์ (Direct renin inhibitor) ยาชนิดอื่นๆ สำหรับรักษาความดันโลหิตสูง ได้แก่ ยากลุ่มอัลฟ่าบล้อกเกอร์ (Alpha-blocker) และยาขยายหลอดเลือด (vasodilators) แพทย์มักจะเลือกใช้ขนาดยาในปริมาณต่ำก่อน หากไม่ได้ผล สามารถเพิ่มขนาดยา หรือใช้ยาร่วมกันได้
- การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ได้แก่ การรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และมีกำหนดการออกกำลังกาย
- ตัวช่วยอื่นๆ การฝังเข็ม เครื่องมือตรวจความสมดุลของร่างกาย (biofeedback) การหายใจโดยใช้อุปกรณ์ช่วย (device-guided breathing) การทำสมาธิ การจัดการความเครียด และการผ่อนคลาย และการเล่นโยคะ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย