backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก

การตรวจวัดการดูดซึมของวิตามินบี 12 (Schilling Test) ของร่างกาย

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 27/01/2021

การตรวจวัดการดูดซึมของวิตามินบี 12 (Schilling Test) ของร่างกาย

การตรวจวัดการดูดซึมของวิตามินบี 12 (Schilling Test) เป็นกระบวนการตรวจสอบว่าร่างกายสามารถดูดซึมของวิตามินบี 12 ได้ดีหรือไม่ ซึ่งวิตามินบี 12 นั้นมีส่วนช่วยทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของระบบประสาทและการทำงานของสมอง วันนี้ Hello คุณหมอ จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับ Schilling Test ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีตรวจการดูดซึมของวิตามินบี 12 ว่าแต่วิธีการนี้จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ

การตรวจวัดการดูดซึมของวิตามินบี 12 (Schilling Test) ทำเพื่ออะไร

การตรวจวัดการดูดซึมของวิตามินบี12 เป็นการตรวจสอบว่าร่างกายของเรานั้นขาดวิตามินบี 12 หรือไม่ การทดสอบนี้สามารถตรวจสอบได้ว่ากระเพาะอาหารของเรานั้น สามารถผลิตโปรตีนที่ชื่อว่า “อินทรินซิกแฟกเตอร์ (Intrinsic Factor)’ ได้มากน้อยขนาดไหน

อินทรินซิกแฟกเตอร์ เป็นโปรตีนเปปไทด์ชนิดหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากกระเพาะอาหาร มีหน้าที่สำคัญในการดูดซึมวิตามินบี 12 หากร่างกายผลิตโปรตีนชนิดนี้ได้ไม่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถดูดซึมวิตามินบี 12 ได้อย่างเต็มที่ และสามารถส่งผลให้เกิดโรคโลหิตจางชนิดเพอร์นิเชียสแอนีเมีย (Pernicious Anemia) ซึ่งเป็นโรคโลหิตจางชนิดที่อันตรายได้ด้วย

วิธี การตรวจวัดการดูดซึมของวิตามินบี 12

ก่อนเข้ารับการตรวจ Schilling Test ผู้ที่ต้องการเข้ารับการตรวจจะต้องมีการเตรียมตัวก่อน คือ ต้องงดการฉีดหรือรับประทานอาหารเสริมวิตามินบี 12 เป็นระยะเวลา 3 วันก่อนเข้ารับการทดสอบ และจะต้องงดอาหารก่อนการตรวจอย่างน้อย 8 ชั่วโมง

วิธีการตรวจ Schilling Test มีทั้งหมด 4 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1

แพทย์จะทำการฉีดวิตามินบี 12 จำนวน 2 โดส โดยโดสแรกจะเป็นวิตามินบี 12 ที่มีส่วนผสมของกัมมันตรังสี (Radiolabeled) ซึ่งเป็นสารที่ไม่อันตรายต่อร่างกาย และจะขับออกทางปัสสาวะ หลังจากนั้น แพทย์จะนำปัสสาวะมาตรวจว่ามีปริมาณวิตามินบี 12 ในปริมาณเท่าไร เพื่อติดตามการดูดซึมวิตามินบี 12 ของร่างกาย

ส่วนโดสที่ 2 จะฉีดหลังจาก ฉีดโดสแรกไปแล้ว 1 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบความสามารถในการดูดซึมวิตามินบี 12 ของร่างกาย หากตรวจสอบผลการดูดซึมของทั้ง 2 โดสแล้วพบความผิดปกติจะต้องทำการตรวจสอบในระยะที่ 2 ต่อไป

ระยะที่ 2

ในระยะนี้แพทย์จะให้รับประทานวิตามินบี 12 ที่มีกัมมันตรังสี และมีโปรตีนอินทรินซิกแฟกเตอร์ หลังจากรับประทานไปได้ 24 ชั่วโมง จะต้องเก็บตัวอย่างปัสสาวะเพื่อนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุ หาก Schilling Test ออกมาเป็นปกติ หมายความว่า ร่างกายมีปัญหาการดูดซึมวิตามินบี 12 ที่มีสาเหตุมาจาก การผลิตโปรตีนอินทรินซิกแฟกเตอร์ แต่หาก Schilling Test ออกมาผิดปกติก็จะต้องตรวจในระยะที่ 3 ต่อไป

ระยะที่ 3

Schilling Test ในระยะที่ 3 เป็นการตรวจสอบการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ว่าส่งผลต่อระดับวิตามินบี 12 หรือไม่ โดยแพทย์จะให้วิตามินบี 12 ที่มีกัมมันตรังสีและให้ยาปฏิชีวนะ 2 สัปดาห์ หากผล Schilling Test ผิดปกติก็จะดำเนินการขั้นตอนที่ 4 ต่อไป

ระยะที่ 4

Schilling Test ในระยะที่ 4 แพทย์จะทำการตรวจสอบการทำงานของตับอ่อนว่า การทำงานของตับอ่อนนั้นส่งผลต่อการที่ร่างกายมีระดับวิตามินบี 12 ต่ำหรือไม่ ในระยะนี้แพทย์จะให้เอนไซม์ตับอ่อนเป็นระยะเวลา 3 วัน หลังจากนั้นจะให้วิตามินบี 12 ที่มีกัมมันตรังสี และจะเก็บปัสสาวะภายใน 24 ชั่วโมงมาตรวจสอบ

ผลข้างเคียงของ การตรวจวัดการดูดซึมของวิตามินบี 12

การทำ Schilling Test สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยได้ เช่น

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด



ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 27/01/2021

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา