สมัยนี้ ริมฝีปากอวบอิ่ม เต่งตึง ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในหมู่สาว ๆ ยิ่งปัจจุบันมีลิปสติกวางขายมากมายหลากหลายยี่ห้อ แถมนางแบบของแบรนด์ลิปสติกส่วนใหญ่ ก็มักจะมีริมฝีปากอวบอิ่มได้รูป ทาปากสีไหนก็ดูสวยไปหมด จนสาว ๆ บางคนเห็นแล้วอาจมีริมฝีปากอวบอิ่มบ้าง จะได้ทาลิปสติกออกมาสวยเหมือนที่เห็นในรูปโฆษณา และหนึ่งในวิธีเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปากที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ก็คงหนีไม่พ้น การฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ‘การฉีดปาก’ นั่นเอง สำหรับใครที่กำลังสนใจจะ ฉีดฟิลเลอร์ปาก Hello คุณหมอ แนะนำให้คุณอ่านบทความนี้เลย รับรองว่าคุณจะเข้าใจการฉีดฟิลเลอร์ปากดียิ่งขึ้นแน่นอน
การ ฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือ การฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก (Lip Augmentation) คือ การฉีด กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) เข้าไปในชั้นผิวหนังหรือใต้ผิวหนังบริเวณริมฝีปาก เพื่อเติมเต็มผิวหนังในบริเวณนั้น ทำให้ริ้วรอยหรือร่องลึกบนผิวหนังตื้นขึ้นหรือจางลง นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก ยังสามารถช่วยแก้ไขหรือปรับแต่งรูปร่างของริมฝีปากให้ได้ตามต้องการได้ด้วย
การฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยปรับเปลี่ยนรูปร่างหรือรูปทรงริมฝีปากของคุณให้เป็นอย่างที่คุณต้องการ หรือใกล้เคียงตามความต้องการของคุณที่สุด เมื่อคุณได้รับการฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณริมฝีปาก กรดไฮยาลูรอนิคจะจับตัวกับน้ำและพองขึ้นเป็นเจล และส่งผลต่อเนื้อเยื่อริมฝีปาก ในปัจจุบัน คนนิยมฉีดฟิลเลอร์ที่ปากกันมากขึ้น เนื่องจากฟิลเลอร์ช่วยทำให้ริมฝีปากของคุณดูอวบอิ่ม และเต่งตึงขึ้น ทั้งยังทำให้รอยย่นบนริมฝีปากดูจางลงด้วย
นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก ยังเป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นาน ส่วนใหญ่แล้วใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งยังทำให้เกิดรอยช้ำไม่นานก็หาย จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในปัจจุบัน โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน และหากคุณต้องการให้ผลลัพธ์จากฟิลเลอร์ปากยังคงอยู่ ก็จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ปากซ้ำอีกรอบ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
วิธีดูแลริมฝีปากหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
สิ่งที่ควรทำหลัง ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ประคบเย็นตรงบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ด้วยผ้าห่อน้ำแข็ง หรือเจลให้ความเย็น วิธีนี้จะช่วยลดอาการบวม อาการเจ็บปวด รอยแดง รอยช้ำ หรืออาการคันได้ แต่ห้ามใช้น้ำแข็งประคบที่ริมฝีปากโดยตรงเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ยิ่งเจ็บปวด หรือผลข้างเคียงรุนแรงกว่าเดิมได้
- งดออกกำลังกายอย่างหนัก หรือออกกำลังกายในรูปแบบที่ต้องใช้แรงมากอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เพราะการออกกำลังกายจะไปกระตุ้นอัตราการหายใจและความดันโลหิต จนทำให้อาการบวมหรือรอยช้ำยิ่งแย่ลงได้ หากอยากออกกำลังกาย แนะนำให้ออกกำลังกายเบา ๆ แทน เช่น การเดิน
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นอยู่เสมอ ทั้งยังช่วยให้ผลข้างเคียงหายเร็วขึ้นด้วย
- บริโภคผักและผลไม้ฉ่ำน้ำ และหลีกเลี่ยงอาหารโซเดียมสูง เพราะอาจทำให้อาการบวมแย่ลงได้
- ไม่อยู่ในที่ที่อากาศร้อนจัด เช่น ห้องซาวน่า ที่โล่งแจ้ง เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ใช้ยาบรรเทาอาการปวด หากแพทย์อนุญาต คุณสามารถใช้ยาแก้ปวดได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดชนิดที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen)
- นอนหนุนหมอนสูง และพยายามอย่านอนตะแคง เลือดจะได้ไม่ไหลเวียนมาเลี้ยงบริเวณริมฝีปากมากเกินไป จนบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ยิ่งช้ำหรือบวมแดง
- งดทาปากหลังฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการทาปากอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
สิ่งที่ไม่ควรทำหลัง ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- สูบบุหรี่ เพราะบุหรี่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ และคุณไม่ควรอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ด้วย เพราะการได้รับควันบุหรี่มือสอง ก็ส่งผลเสียพอ ๆ กับการสูบบุหรี่เอง
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดการอักเสบ เกิดรอยช้ำ หรือมีอาการบวมอย่างรุนแรงได้ด้วย คุณควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์ และถ้าจะให้ดี ก็ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 2-3 วันด้วย
- โดยสารเครื่องบิน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หลังฉีดฟิลเลอร์ คุณควรรออย่างน้อย 1 สัปดาห์จึงเดินทางโดยเครื่องบิน เพราะความกดอากาศบนเครื่องบินอาจทำให้อาการบวม และรอยช้ำแย่ลง
ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงดังต่อไปนี้
- ผิวหนังบวม แดง หรือกดเจ็บ
- มีรอยช้ำ
ผลข้างเคียงข้างต้นสามารถพบได้ทั่วไป แต่บางคนก็อาจเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงกว่าได้ เช่น
- เกิดจุดด่างดำ หรือมีภาวะผิวสีเข้มขึ้น (Hyperpigmentation) ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หรือบริเวณโดยรอบ
- ติดเชื้อที่ผิวหนัง
- เกิดเนื้อตาย (Necrosis)
- เกิดแผลเป็น
ฉีดฟิลเลอร์ปากมาแล้วเป็นแบบนี้ ควรรีบไปพบคุณหมอ
โดยปกติแล้ว ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปจะหายภายใน 1-2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก แต่ทั้งนี้ระยะเวลาก็อาจช้าหรือเร็วกว่านั้นได้ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ หากเป็นบริเวณขอบปาก ผลข้างเคียงมักจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากเป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่ปากเพื่อทำให้ปากอวบอิ่มขึ้น ก็อาจต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์กว่าอาการจะหายเป็นปกติ แต่หากคุณเกิดผลข้างเคียงรุนแรงดังที่กล่าวไปข้างต้น หรือมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบคุณหมอทันที
มีอาการบวมหรือช้ำรุนแรง
หากคุณมีอาการริมฝีปากและบริเวณโดยรวมบวมหรือช้ำรุนแรงนานเกิน 1 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรรีบเข้าพบคุณหมอทันที เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่พบได้ยาก อย่างอาการแพ้กรดไฮยารูลอนิคก็ได้
หลอดเลือดอุดตัน
หากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในหลอดเลือด หรือในบริเวณโดยรอบ จะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี หรือหยุดไหลเวียน จนส่งผลให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อในบริเวณโดยรอบเริ่มตาย เพราะมีเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ
หากอยู่ ๆ คุณก็รู้สึกเจ็บปวดที่ริมฝีปากหรือบริเวณโดยรอบอย่างรุนแรง หรือผิวหนังบริเวณนั้นเปลี่ยนสีกะทันหัน เช่น เป็นจุดขาว เป็นตุ่ม นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังมีภาวะหลอดเลือดอุดตันหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก และควรปรึกษาแพทย์ทันที
เป็นเริมที่ปาก
หากคุณเป็นคนที่เสี่ยงเกิดเริมที่ปากได้ง่าย หรือมีเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 หรือ เอชเอสวี-1 (Herpes simplex virus 1 หรือ HSV-1) อยู่แล้ว การฉีดฟิลเลอร์ปากก็อาจไปกระตุ้นให้เกิดเริมที่ปากได้ และหากคุณคิดว่าตัวเองเป็นเริมที่ปาก ก็ควรรีบเข้ารับการรักษาทันที เพราะคุณอาจต้องรักษาด้วยการใช้ยาต้านไวรัส
หากใครเคยมีเริมที่ปากหลังฉีดฟิลเลอร์ปากมาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ด้วย แพทย์จะได้ให้คำแนะนำที่ถูกต้องได้
[embed-health-tool-bmi]