สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพ

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

หัวนม นั้นสำคัญไฉน มีอะไรซ่อนอยู่ในหัวนมที่เราควรต้องรู้บ้าง

อวัยวะในร่างกายที่มีลักษณะกลม ๆ คล้ายตุ่มหรือหูดเล็ก ๆ บริเวณหน้าอก หรือที่เราเรียกกันว่าหัวนมนั้น ดูจะเป็นอวัยวะส่วนที่ นึกถึงประโยชน์และหน้าที่ไม่ค่อยจะออก แต่แท้จริงแล้ว การที่เรามีหัวนมนั้น มีเหตุและผลอยู่เหมือนกัน มาดูบทความนี้ของ Hello คุณหมอ กันว่า มีอะไรที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับ หัวนม บ้างหรือไม่ ทำไมเราถึงมี หัวนม  สำหรับในผู้หญิง หัวนมจะมีไว้สำหรับการให้นมบุตร แต่ในส่วนของหัวนมผู้ชาย ยังไม่มีคำบอกกล่าวที่แน่ชัดถึงหน้าที่สำคัญ แต่ข้อสันนิษฐานที่เหมือนกันของหัวนมในผู้ชายและผู้หญิงคือ เป็นจุดกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้รู้สึกเสียวซ่าน และมีส่วนที่ทำให้คู่รักสามารถถึงจุดสุดยอดในกิจกรรมบนเตียงได้ หัวนม กับ อาการทางสุขภาพ ความรู้สึกเจ็บหัวนม อาจเป็นเรื่องปกติหากเกิดกับสตรีที่กำลังให้นมบุตร เพราะลูกอาจมีการกัดหัวนมในขณะที่กำลังให้น้ำนมแม่ แต่ถ้าอาการเจ็บหัวนมไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงนั้น นั่นอาจเป็นเพราะ หัวนมมีการระคายเคือง โรคภูมิแพ้ การเสียดสีของแรงเสียดทานระหว่างหัวนมกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ สำหรับผู้ที่รู้สึกเจ็บหัวนม หัวนมมีสีแดง และร้อนเมื่อสัมผัส ควรรีบปรึกษากับคุณหมอทันที เพราะอาจมีอาการหัวนมอักเสบ หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จนเป็นโรคเต้านมอักเสบ (Mastitis) สำหรับผู้ที่เจาะหัวนม มีแนวโน้มที่จะมีอาการทางสุขภาพได้ เนื่องจากการเจาะหัวนมนั้น อาจไปทำลายท่อสำหรับผลิตน้ำนม มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้ มีอาการคัน หรือมีผื่นขึ้น รวมถึงยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากมีการเจาะหัวนมด้วยอุปกรณ์ที่ไม่สะอาดและไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งถ้าหากมีความผิดปกติที่หัวนม เช่น เลือดออก ควรไปพบคุณหมอเพื่อตรวจดูอาการ ข้อควรรู้เกี่ยวกับ หัวนม สิ่งเหล่านี้คือข้อควรรู้เกี่ยวกับหัวนม หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับหัวนมที่คุณอาจยังไม่เคยทราบมาก่อน หัวนมแต่ละคนมีความต่างกัน เราอาจจะคิดว่าหัวนมนั้นมีลักษณะที่เหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว หัวนมนั้นมีความแตกต่างทั้งขนาด สี […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เผยวิจัยชี้ ดมตด บ่อยๆ ทำให้สุขภาพดีได้จนน่าเหลือเชื่อ

การที่ได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ อย่างกลิ่นที่มาจากการผายลมหรือการตด จำเป็นต้องรีบหลีกหนี จนถึงขนาดที่ต้องหายาดมมาสูดดม หรือฉีดน้ำหอมเพื่อกลบกลิ่น ถึงแม้หลายคนจะมองเห็นเพียงแค่ข้อเสีย แต่ทุกคนรู้หรือไม่ ได้มีการเผยวิจัยชิ้นหนึ่งค้นพบว่าการ ดมตด บ่อยๆ มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ซึ่ง Hello คุณหมอ ได้นำข้อดีที่มีผลต่อสุขภาพมาให้ทุกคนได้ทราบกันในบทความนี้ [embed-health-tool-bmi] ผลวิจัยชี้การ ดมตด มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรได้บ้าง การผายลมนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่เกิดจากการสะสมของแก๊สในร่างกายของเรา ซึ่งแก๊สเหล่านี้สามารถพบได้ตามช่องทางเดินของอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ รวมถึงทางลำไส้ตรง จนเกิดแรงกดดันทำให้รู้สึกหน่วงๆ ภายในช่องท้อง เมื่อถึงเวลาแรงดันนี้จะปล่อยออกมาในรูปแบบ การผายลม หรือตดนั่นเอง จากการศึกษาการวิจัยในปี 2014 โดยการร่วมมือกันของทีมวิจัยที่มหาวิทยาลัยเอ็กซ์เตอร์ (University of Exeter) และมหาวิทยาลัยเท็กซัส (University of Texas) พบว่าในก๊าซที่ทำให้เกิดการผายลมมีแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen sulfide) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อเรียกติดปากกันว่า”แก๊สไข่เน่า” ที่ค่อนข้างส่งกลิ่นเหม็น แต่กลับมีประโยชน์ต่อร่างกายเมื่อเราสูดดม ด้วยการให้ประโยชน์ ดังต่อไปนี้ ลดความดันโลหิต เพราะการสูดดมก๊าซที่ออกมานั้น อาจทำให้ผนังหลอดเลือดของคุณแข็งแรงขึ้น รักษาโรคหลอดเลือดในสมอง และอาการหัวใจวาย ซึ่งก๊าซนี้ทำให้โลหิตสูบฉีดมากขึ้น ลดโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดในสมอง และอาการหัวใจวายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงการทำงานของไต ในการศึกษาปี […]


การทดสอบทางการแพทย์

ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือ เนื้องอกน้อยๆ ที่อาจเกิดได้เมื่อคุณอายุมากขึ้น

รู้หรือไม่ ข้อมือที่ปวดล้าเมื่อคุณใช้งานหนักจนเกินไป อาจเกิดเป็นเนื้องอกเล็กๆ ที่ดูเผินๆ คล้ายกระดูกปกติ แต่จริงๆ แล้ว มันคือ ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือ ที่นูนใหญ่พร้อมกับอาการเจ็บจี๊ดๆ เมื่อคุณขยับ ซึ่งวันนี้ Hello คุณหมอ ได้นำสาระความรู้ของอาการนี้มาฝากกัน ที่หลายคนอาจมองข้ามจนเกิดเป็นปัญหาเรื้อรังได้ [embed-health-tool-bmr] ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือ คืออะไร ร้ายแรงแค่ไหนกันนะ ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือ (Ganglion Cyst) คือ เนื้อเยื่อภายในข้อมือ ข้อต่อ ที่หล่อรวมจนเกิดเป็นก้อนกึ่งแข็งกึ่งนิ่ม ส่วนมากมักพบได้บนข้อมือ ฝ่ามือ ข้อเท้า และฝ่าเท้า คล้ายก้อนซีสต์ พบได้ตั้งแต่วัย 15-40 ปี ขึ้นไป โดยอาจมีขนาดที่เล็กมากเท่าเมล็ดถั่วจนถึงขนาดเท่าลูกกอล์ฟเลยทีเดียว ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้คุณเป็นก้อนถุงน้ำที่ข้อมือ อาจมาจากการพัฒนาของอายุที่มากขึ้น การบาดเจ็บบริเวณข้อต่อ เส้นเอ็น ที่มาจากอุบัติเหตุ และการใช้งานของข้อมือที่มากเกินไป จนเกิดการสะสมทำให้มีตุ่มผุดขึ้นมา สังเกตจากอาการเหล่านี้ หากคุณกำลังคิดว่า มีเนื้องอกกำลังเกิดขึ้น สูญเสียความคล่องตัว ในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเล่นกีฬา รู้สึกชา มีอาการเจ็บปวดข้อมือแบบเฉียบพลัน รู้สึกเสียวซ่าบริเวณข้อมือ ขนาดเนื้อที่งอกออกมาเป็นตุ่มเล็ก จนลุกลามไปเป็นก้อนใหญ่ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-3 […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

แต่งแต้มริมฝีปากที่ขาดสีสัน ในวันเร่งด่วน ด้วย ลิปสติก เฉดสีที่ใช่

ลิปสติก (Lipstick) เป็นหนึ่งในไอเท็มที่ผู้หญิงทุกคนต้องมีและพกไว้หนึ่งแท่งติดประจำตัวเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน คุณก็สามารถหยิบขึ้นมาเติมเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้ตลอดเวลา วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนไปรู้จักกับ ลิปสติกให้มากขึ้น ในบทความเรื่อง แต่งแต้มริมฝีปากที่ขาดสีสัน ในวันเร่งด่วน ด้วย ลิปสติก เฉดสีที่ใช่ เมื่อ ลิปสติก เฉดสีเดียวอาจยังไม่พอ คุณผู้ชายหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมคุณผู้หญิงถึงต้องใช้ลิปสติกหลายแท่ง  สำหรับผู้หญิงอย่างเราจะใช้ลิปสติกเมื่อไหร่ไม่รู้ บางทีซื้อมาก็ไม่ได้ใช้ แต่ขอซื้อไว้ก่อน เรียกได้ว่า “ของมันต้องมี” เป็นปัญหาโลกแตกที่คุณผู้ชายไม่มีวันเข้าใจ แท้จริงแล้วสไตล์การแต่งตัวของเราไม่ได้เหมือนกันทุกวัน ฉะนั้นเราจึงต้องมีลิปสติกหลายเฉดสีเพื่อสร้างลุคของเราให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ “เครื่องสำอางทุกประเภทย่อมมีวันหมดอายุ ลิปสติกก็เช่นกัน” การเก็บรักษาลิปสติกก็สำคัญไม่น้อย คุณภาพของลิปสติกสามารถเปลี่ยนไปตามการเก็บรักษา รวมไปถึงอายุหลังจากการเปิดใช้ที่คุณไม่ควรละเลย ไม่เช่นนั้นแล้ว แทนที่ลิปสติกจะช่วยเพิ่มความงดงามบนใบหน้าเรานั้นอาจเป็นการเพิ่มโทษกับเราโดยที่เราไม่รู้ตัว ก่อนเปิดใช้ ควรดูวันที่ผลิตให้ละเอียดเพราะลิปสติกมีอายุการใช้งาน 2 ปีหลังจากวันผลิต หลังจากเปิดใช้งาน ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงแดดและที่ๆ มีอุณหภูมิสูง  เช่น การเก็บลิปสติกไว้ในรถ ไม่เพียงแต่ความร้อนจากนอกรถจะทำให้เนื้อลิปสติกละลาย แต่สารเคมีในลิปสติกอาจเปลี่ยนไปตามอุณภูมิที่ร้อนจัด ทาลิปสติกอย่างไร ให้สีติดทนนาน  จะทาลิปสติกอย่างไงให้สีติดทนตลอดทั้งวัน วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกันค่ะ สครับริมฝีปาก การขัดหรือสครับริมฝีปาก ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ช่วยให้ปากดูสดใส ไม่หมองคล้ำและช่วยให้ริมฝีปากเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย ทาวาสลีน หมั่นทาวาสลีน เพื่อเคลือบริมฝีปากที่แห้งแตกให้กลับมานุ่มชุ่มชื่น ไม่เพียงแต่ปากนุ่ม แต่ยังช่วยให้ลิปสติกไม่ตกร่องอย่างแน่นอน ลิปไพรเมอร์ รู้หรือไม่คะว่า การลงลิปไพรเมอร์จะช่วยปรับสีของปากให้สีเสมอกัน บางยี่ห้อสามารถช่วยอำพรางริมฝีปากและยังช่วยให้สีลิปสติกนั้นตติดทนมากขึ้นอีกด้วย ดินสอเขียนขอบปาก ทาริมฝีปากด้วยดินสอเขียนขอบปากจะช่วยให้สีลิปสติกเราดูสวย เด่นชัด มากขึ้น ทาลิปสติก […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

พิษไซยาไนด์ (Cyanide Poisoning)

ไซยาไนด์หาได้ยาก แต่เป็นพิษที่อันตรายถึงตายได้ ไซยาไนด์มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้ออกซิเจนได้ การที่ร่างกายได้รับ พิษไซยาไนด์ (Cyanide Poisoning) ควรไปพบคุณหมอทันที คำจำกัดความพิษไซยาไนด์ คืออะไร ไซยาไนด์เป็นสารที่พบได้ยาก แต่เป็นพิษที่อันตรายถึงตายได้ ไซยาไนด์มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้ออกซิเจนได้ ไซยาไนด์ที่มีพิษประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ ผลึกแข็ง โพแทสเซียมไซยาไนด์ และโซเดียมไซยาไนด์ อาการเป็นพิษจากไซยาไนด์พบได้บ่อยแค่ไหน เนื่องจากไซยาไดน์เป็นสารที่สามารถพบได้ยาก การได้รับพิษจากไซยาไนด์จึงอาจไม่สามารถที่จะพบได้บ่อยครั้ง สำหรับความถี่ของการได้รับพิษจากไซยาไนด์ โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติม อาการอาการที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับ พิษไซยาไนด์ การตรวจว่าได้รับพิษจากไซยาไนด์หรือไม่นั้นเป็นเรื่องยาก การกลืนกินไซยาไนด์เกิดผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการขาดอากาศหายใจ กลไกของพิษเกิดขึ้นเนื่องจากไซยาไนด์จะไปยับยั้งเซลล์ในร่างกายไม่ให้ใช้ออกซิเจนได้ ซึ่งออกซิเจนจำเป็นต่อการดำรงอยู่ของเซลล์ อาการที่เกิดจากการได้รับพิษจากไซยาไนด์นั้นคล้ายกับตอนที่เดินทางไกลหรือปีนภูเขาสูง ๆ นอกจากนี้ยังมีอาการดังต่อไปนี้ ร่างกายอ่อนแรง รู้สึกสับสน มีพฤติกรรมผิดปกติ นอนมากเกินไป หมดสติ หายใจได้สั้น ปวดหัว เวียนหัว อาเจียน ปวดท้อง มีอาการชัก โดยปกติ การกลืนกินไซยาไนด์เข้าไปอย่างฉับพลันนั้นจะเกิดผลกระทบอย่างรวดเร็วและรุนแรงกับหัวใจ และทำให้หมดสติในทันที นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อสมอง และอาจทำให้ชักและหมดสติได้ ถ้าได้รับไซยาไนด์เป็นระยะเวลานานผ่านทางการกลืนกิน หรือได้รับจากสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ผลกระทบจะค่อย ๆ เกิดขึ้น ทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้ ปวดหัว การรับรู้รสเปลี่ยนแปลงไป อาเจียน เจ็บหน้าอก ปวดท้อง รู้สึกวิตกกังวล ในบางกรณี ถ้าผิวหนังได้รับพิษจากไซยาไนด์ อาจจะทำให้ผิวบริเวณนั้นกลายเป็นสีชมพูหรือแดง เนื่องจากออกซิเจนจะยังคงอยู่ในกระแสเลือดและเข้าไปในเซลล์ไม่ได้ ผู้ได้รับพิษอาจหายใจเร็วขึ้น และมีอัตรการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นมากหรือช้าลงมาก บางกรณี ลมหายใจของผู้ได้รับพิษจากไซยาไนด์จะมีกลิ่นคล้ายอัลมอนด์ อย่างไรก็ตาม การตรวจว่าได้รับพิษหรือไม่นั้นเป็นเรื่องยาก การที่จะทราบว่าใครได้รับพิษจากไซยาไนด์ได้นั้นอาจดูได้จากสภาพแวดล้อมที่คน ๆ นั้นอาศัยอยู่อาจจะได้ผลมากกว่าการสังเกตจากอาการ ผู้ที่ทำงานในห้องทดลอง หรือโรงงานพลาสติกมีความเสี่ยงได้รับพิษจากไซยาไนด์มากกว่าคนปกติ บ้าน รถบ้าน (Recreational vehicle: RV) เรือ และอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ก็มีส่วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ได้รับไซยาไนด์ได้เช่นกัน ถ้าคุณรู้จักคนที่มีอาการซึมเศร้า หรือผ่านการใช้สารเคมีใด ๆ อย่างผิด ๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทริปโตเฟน กรดอะมิโนจำเป็น มีดีกว่าที่คิด

ทริปโตเฟน (Tryptophan) เป็นกรดอะมิโนจำเป็น มีหน้าที่ในการสร้างความสมดุลของไนโตรเจนในผู้ใหญ่ และมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของทารก นอกจากนี้ทริปโตเฟนยังสร้าง ไนอาซิน (Niacin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทของสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่มีส่วนในการควบคุมอารมณ์ วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจของกรดอะมิโนจำเป้นตัวนี้มาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ ทริปโตเฟน (Tryptophan) คืออะไร ทริปโตเฟนเป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายต้องการ ทริปโตเฟนเป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ ส่วนใหญ่แล้วพบได้ตามธรรมชาติ จากโปรตีนจากสัตว์และโปรตีนจากพืช ทริปโตเฟน เป็นสารที่มีความสำคัญสำหรับใช้พัฒนาและช่วยในการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งสารทริปโตเฟนจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสารเซโรโทนินและวิตามินบี 6 ซึ่งสารเซโรโทนินเป็นสารที่มีความสำคัญในการพัฒนาระบบสื่อประสาท หากระดับของเซโรโทนินมีความแปรปรวน ไม่อยู่ในระดับที่มีความสมดุลก็จะส่งผลต่ออารมณ์ได้ ประโยชน์ต่อสุขภาพของทริปโตเฟน ทริปโตเฟนเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย สารทริปโตเฟนจากธรรมชาติที่พบในอาหารที่รับประทานนั้นมีประโยชน์ด้านสุขภาพมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะได้รับประโยชน์มาจากการที่ทริปโตเฟนมีการเปลี่ยนแปลงเป็นไนอาซินและเซโรโทนิน ประโยชน์ที่ร่างกายได้รับจากเซโรโทนิน เช่น ช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพและช่วยให้หลับได้สนิทและมีคุณภาพมากขึ้น สามารถบรรเทาภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ช่วยให้อารมณ์มีความคงที่ ไม่แปรปรวน และช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น การจัดการความอดทนต่อความเจ็บปวด อาหารที่ช่วยเพิ่มทริปโตเฟนให้ร่างกาย สารทริปโตเฟน เป็นสารที่สามารถพบได้ในอาหารบางชนิด โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีนสูง อาหารที่มีทริปโตเฟนสูง ได้แก่ไก่ ไข่ ชีส ปลา ถั่ว เมล็ดฟักทองและงา นม ไก่งวง เต้าหู้และถั่วเหลือง ช็อกโกแลต และเพื่อให้ทริปโตเฟน เปลี่ยนไปเป็นไนอาซินเพื่อใช้ในร่างกาย ร่างกายจึงจำเป็นต้องมีธาตุเหล็ก วิตามินบี 6 และวิตามินบี […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เกษตรกรยุคใหม่ หยุด เผาไร่อ้อย เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

สถานการณ์ปัญหาฝุ่นละออง  PM 2.5 ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการเผาไหม้ทางการการเกษตร เช่น เผาไร่นา เผาไร่อ้อย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานที่มีการเพาะปลูกอ้อยเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศไทย ยิ่งในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายนที่เป็นช่วงเก็บเกี่ยวไร่อ้อยจะทำให้เกิดฝุ่นละอองจำนวนมาก หากเกษตรกรยังคงเผาไร่อ้อยอยู่ต่อไป จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร วันนี้ Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้คุณค่ะ ทำไมเกษตรกร จึงต้อง เผาไร่อ้อย ก่อนตัด การเก็บเกี่ยวอ้อยนั้นสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน คือการตัดอ้อยสด และการเผาอ้อยก่อนตัด แต่เกษตรกรส่วนใหญ่เลือกเผาอ้อยก่อนตัดโดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้ การเผาอ้อยก่อนตัดนั้นเก็บเกี่ยวได้สะดวกและง่ายกว่า อัตราค่าจ้างแรงงานถูกกว่าการจ้างแรงงานตัดอ้อยสด รถตัดอ้อยมีน้อยและไม่บางพื้นที่ไม่เหมาะสมต่อการใช้รถตัดอ้อย หากเผาอ้อยก่อนตัดจะได้คิวในการขายก่อนอ้อยสด โดยโรงงานน้ำตาลให้คิวอ้อยไฟไหม้ก่อนอ้อยสด เนื่องจากค่าความหวานของอ้อยไฟไหม้จะมีน้ำหนักลดลงถึงร้อยละ 20 แต่อ้อยสดลดลงเพียงร้อยละ  14 (ระยะเวลาหลังตัด 14วัน) ส่งผลให้โรงงานต้องรีบรับซื้อภายใน 48 ชั่วโมง  ภัยเงียบของสารที่เกิดจากการ เผาไร่อ้อย ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร ประชาชนในเขตพื้นที่เผาอ้อยส่วนใหญ่จะเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยสารต่างๆที่เกิดจากการเผาไหม้ส่งผลเสียต่อสุขภาพดังนี้ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การเผาไร่อ้อยทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถ้าเราสูดเข้าไปในร่างกายมากๆ จำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง บางรายถึงขึ้นหมดสติ และเสียชีวิตได้เลย สารคาร์บอนมอนอกไซด์ สารคาร์บอนมอนอกไซด์ทำให้ออกซิเจนไม่สามารถรวมกับเฮโมโกลบิน (Hemoglobin)ในเลือดได้ ทำให้ร่างกายเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ เนื่องจากร่างกายขาดออกซิเจน หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ อาเจียน บางรายถึงขึ้นหมดสติ และเสียชีวิตได้เหมือนกัน สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนหรือสารพีเอเอช สารนี้ส่งผลให้ร่างกายเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปอด เป็นต้น สารฟอร์มาดีไฮด์ สารตัวนี้ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ เมื่อร่างกายได้รับสารนี้บ่อยๆอาจทำให้เกิดโรคต่อถุงลมปอด […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

จำหน้าคนไม่ได้ แม้แต่หน้าคนใกล้ชิด คุณอาจจะกำลังเป็น โรคลืมใบหน้า (Prosopagnosia)

เราอาจจะคุ้นเคยกับอาการจำหน้าคนอื่นได้ แต่กลับจำชื่อของเขาไม่ได้ แต่หากคุณได้ยินว่ามีโรคที่ทำให้คุณสามารถจำชื่อ จำท่าทางลักษณะ แต่กลับไม่สามารถจดจำใบหน้าของคนคนนั้นได้ คุณจะเชื่อหรือไม่ โรคลืมใบหน้า เป็นโรคแปลกๆ ที่ค่อนข้างจะหายาก แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเข้าสังคม มาเรียนรู้เรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคลืมใบหน้าไปพร้อมกันกับ Hello คุณหมอ โรคลืมใบหน้า คืออะไร โรคลืมใบหน้า (Prosopagnosia) หมายถึงอาการที่คุณไม่สามารถจดจำใบหน้าของใครได้เลย แม้แต่คนใกล้ชิด อย่าง พ่อแม่ ญาติ และเพื่อน โรคนี้มักจะเป็นกันตั้งแต่กำเนิด และมีแนวโน้มที่จะเป็นไปตลอดชีวิต แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยโรคลืมใบหน้านั้นอาจจะไม่สามารถจดจำได้แค่เฉพาะใบหน้าของมนุษย์ด้วยกัน แต่ก็มีบางส่วนที่อาการนั้นจะครอบคลุมไปถึงความสามารถในการจดจำและรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เช่น สัตว์เลี้ยง รถยนต์ หรือสิ่งของเครื่องใช้อีกด้วย ผู้ป่วยโรคลืมใบหน้าส่วนใหญ่มักจะมีเทคนิคในการจดจำคนแทนการจำใบหน้า ด้วยการจำลักษณะท่าทาง การพูด การแสดงออก รูปร่าง การแต่งกาย ทรงผม เสียง หรืออะไรก็ตามที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้พวกเขาสามารถแยกแยะคนออกจากกันได้ แต่เทคนิคเหล่านี้ใช่ว่าจะสามารถใช้ได้กับทุกคน และอาจจะไม่ได้ผลทุกครั้ง ยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่ต้องพบเจอกับคนใหม่ๆ อาการของผู้ที่เป็นโรคลืมใบหน้า ไม่สามารถจดจำใบหน้าของคนใกล้ชิดได้ พวกเขาจะไม่สามารถนึกหน้าของคนที่รู้จักได้ แม้ว่าจะใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาเพียงใด สับสนกับตัวละครในหนังมากกว่าคนอื่น ผู้ที่เป็นโรคลืมใบหน้ามักจะไม่ชอบที่จะดูภาพยนตร์หรือละคร เนื่องจากพวกเขามักจะชอบสับสน และไม่สามารถแยกแยะตัวละครออกจากกันได้ จำไม่ได้แม้แต่หน้าตัวเอง ผู้ป่วยโรคลืมใบหน้าบางคนอาจจะไม่สามารถจดจำได้แม้แต่กระทั่งกับใบหน้าของตัวเอง โดยเฉพาะเวลามองมองรูปถ่ายแล้วไม่สามารถระบุได้ว่าตัวเองคือคนไหน เขาจะจำคุณไม่ได้หากคุณเปลี่ยนทรงผม ผู้ป่วยโรคลืมใบหน้าส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้วิธีในการจดจำทรงผมแทนการจำใบหน้า ดังนั้นหากคุณเปลี่ยนทรงผม ก็อาจทำให้พวกเขาไม่สามารถจำคุณได้ ผลกระทบจากการเป็นโรคลืมใบหน้า ผลกระทบที่สำคัญของการเป็นโรคลืมใบหน้า คือการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถจดจำใบหน้าผู้อื่นได้ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ไม่ใช่เรื่องไม่ยาก หากทำตามเทคนิคเหล่านี้

ด้วยความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ ส่งผลคนมีอายุยืนยาวมากขึ้น จนทำให้สังคมในปัจจุบันนั้นเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หลายครอบครัวจึงอาจต้องประสบปัญหาการเจ็บป่วยของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการ ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ที่ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด บทความนี้ Hello คุณหมอ  ขอนำเสนอเทคนิคดี ๆ ในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง เพื่อการดูแลอย่างถูกต้อง และป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวผู้ป่วยได้ ผลกระทบจากการเป็น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยติดเตียงส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ ดังต่อไปนี้ ผลกระทบต่อกระดูกและกล้ามเนื้อ ระบบการทำงานของกระดูกและกล้ามเนื้อนั้นจะทำงานได้ดีที่สุดก็ต่อเมื่อรองรับร่างกายในแนวตั้งตรง ต้านแรงโน้มถ่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักในบริเวณคอ ช่องท้อง หลังส่วนล่าง ก้น ต้นขา และน่อง ดังนั้น การนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ๆ จึงส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อในบริเวณเหล่านี้มากที่สุด ผู้ป่วยติดเตียงนั้นจะแทบไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อเหล่านี้เลย และเมื่อเราไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อก็จะเริ่มอ่อนแอลงและเสื่อมสภาพ และต้องใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นฟูให้กล้ามเนื้อกลับมาแข็งแรงดังเดิมได้ การนอนติดเตียงเป็นเวลานานยังทำให้สูญเสียความหนาแน่นของกระดูก เนื่องจากไม่ได้รองรับน้ำหนักของร่างกายตามปกติ กระดูกข้อต่อที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวก็จะเริ่มเสื่อมลง และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในบริเวณข้อต่อนั้นก็จะหนาขึ้น ส่งผลให้เคลื่อนไหวข้อต่อได้ลำบากมากขึ้น ผลกระทบต่อหัวใจและเลือด ระบบหัวใจและหลอดเลือดนั้นจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ในลักษณะตั้งฉากกับพื้นโลก ผู้ป่วยติดเตียงส่วนใหญ่จึงมักจะประสบปัญหาเรื่องการไหลเวียนของเลือด การไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายอาจส่งผลให้การเต้นของหัวใจและการสูบฉีดของเลือดลดลง ทำให้มีปริมาณของออกซิเจนที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายน้อยลงตามไปด้วย จึงทำให้เหนื่อยล้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดลิ่มเลือดเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะในบริเวณขา เมื่อมีลิ่มเลือดมากขึ้น ความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดอุดตันก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย การเคลื่อนไหวของร่างกายที่น้อยลง การดื่มน้ำน้อยลง และการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ลดลง สามารถส่งผลให้ผู้ป่วยติดเตียงมีอาการท้องผูกบ่อยครั้ง และหากผู้ป่วยติดเตียงได้รับการดูแลไม่ดีพอ ยังอาจทำให้ขาดสารอาหารและขาดน้ำได้ด้วย ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักส่งผลกระทบต่อระบบขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเพิ่มขึ้น เทคนิคดี ๆ ในการ ดูแลผู้ป่วยติดเตียง เทคนิคดี […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

บอกลาผิวเปลือกส้ม วิธีการ ลดเซลลูไลท์ (Cellulite) ด้วยวิธีทางธรรมชาติ

เซลลูไลท์ หนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้สาวๆ หลายคนหมดความมั่นใจในการแต่งตัว เพราะไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะโชว์ผิวตะปุ่มตะป่ำเหมือนเปลือกส้มแบบนี้ให้ใครมอง และการจะกำจัดไขมันส่วนเกินเหล่านี้ด้วยการดูดไขมัน ก็ดูจะเป็นวิธีที่ยุ่งยากซ้ำยังมีราคาแพงอีกด้วย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนำวิธีการ ลดเซลลูไลท์ ด้วยวิธีทางธรรมชาติ เซลลูไลท์ คืออะไร เซลลูไลท์ (Cellulite) คือเซลล์ไขมันผลักดันขึ้นมาสะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง จนทำให้ผิวที่มีลักษณะขรุขระ ตะปุ่มจะป่ำ ไม่เรียบเนียน ดูแล้วคล้ายเปลือกส้ม โดยปกติแล้วเซลลูไลท์มักจะพบได้ในบริเวณต้นขา สะโพก ต้นแขน และหน้าท้อง เซลลูไลท์นั้นแตกต่างจากไขมันธรรมดา เพราะร่างกายไม่สามารถกำจัดออกไปได้ง่ายๆ เพียงแค่การออกกำลังกาย แต่จำเป็นต้องอาศัยการนวดผิวควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร ประเภทต่างๆ ของเซลลูไลท์อาจมีดังต่อไปนี้ Soft Cellulite เป็นเซลลูไลท์ที่อยู่ในบริเวณบั้นท้าย หน้าท้อง และสะโพก มักจะพบได้ในผู้หญิงช่วงอายุ 20-30 ปี มีลักษณะเป็นก้อนไขมันเล็กๆ เป็นริ้วคลื่นแบบนิ่มๆ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นจากพันธุกรรม Hard Cellulite เป็นเซลลูไลท์ที่พบได้บ่อยในบริเวณสะโพกและบั้นท้าย มักจะพบได้ในผู้หญิงอายุ 20-40 ปี มีลักษณะเป็นก้อนแข็งเล็กๆ ถ้าบีบดูจะเห็นเป็นก้อนอย่างชัดเจน Flaccid Cellulite เป็นเซลลูไลท์ที่พบได้บ่อยในบริเวณหน้าท้อง รอบเอว ท้องแขน และใต้คาง (เหนียง)  เซลลูไลท์ประเภทนี้จะพบได้มากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน