สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพ

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เคล็ดลับอายุยืน จากคุณยายกาเนะ ทานากะ เจ้าของสถิติอายุยืนที่สุดในโลกปี 2019

หากจะกล่าวถึงเรื่องราวของการมีอายุยืนยาวแล้วล่ะก็ คงไม่พ้นจะต้องนึกถึงชาวญี่ปุ่นเป็นแน่ เพราะไม่ว่าจะมีการจัดอันดับ หรือมีการมอบสถิติเกี่ยวกับอายุที่มากที่สุดในโลกครั้งใด ก็จะต้องมีคุณตาหรือคุณยายชาวญี่ปุ่นได้รับตำแหน่งนั้นไปครองอยู่เสมอ แต่อะไรคือ เคล็ดลับอายุยืน ของชาวญี่ปุ่น และเราสามารถที่จะนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไรบ้าง วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนไปตามหาเคล็ดลับของการมีอายุยืนยาวตำรับญี่ปุ่นกันค่ะ ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืน ตามค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปของคนเรานั้น ผู้ชายจะมีอายุขัยโดยเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 79 ปี ส่วนผู้หญิงจะมีอายุขัยโดยเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 86 ปี แต่ในสังคมญี่ปุ่น กลับมีผู้สูงอายุหลายคนที่ใช้ชีวิตผ่านมาถึงปัจจุบัน ด้วยตัวเลขอายุที่เข้าสู่หลักร้อย ตั้งแต่ 100 ปี จนถึง 110 ปี อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้คนญี่ปุ่นอายุยืนยาวได้ถึงขนาดนี้ คำตอบก็คือ ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน ในขณะที่หลายคนเลือกรับประทานอาหารที่ง่าย สะดวก เน้นตามใจตนเอง คำนึงแค่เพียงความสุขในการกินชั่วคราวมากกว่าจะมองถึงคุณประโยชน์ของสารอาหาร แต่ผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นที่มีอายุยืนยาวมาก ๆ กลับให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารไว้ดังนี้ กินปลาให้มากกว่ากินเนื้อ เพราะในเนื้อมีคอเลสเตอรอลที่มีส่วนทำให้เกิดโรคหัวใจ หัวใจล้มเหลว และโรคอื่น ๆ แต่ในส่วนของปลานอกจากจะได้คุณค่าทางอาหารจากเนื้อปลาแล้ว ยังสามารถเสริมคุณประโยชน์จากน้ำมันปลาหรือน้ำมันตับปลาได้อีกทางหนึ่งด้วย กินผักให้มากขึ้น คงไม่ต้องกล่าวถึงประโยชน์ของผักกันให้มากความ เพราะทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าผักทุกชนิดล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นถ้าอยากอายุยืน ก็ต้องเพิ่มผักในมื้ออาหารให้มากขึ้นเท่านั้นเอง นมกับเนย การดื่มนมมีประโยชน์ต่อร่างกายมากก็จริง แต่การดื่มนมมากจนเกินไป เสี่ยงที่จะได้รับไขมันและคอเลสเตอรอลจากนม โดยเฉพาะนมวัว และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมวัว ข้าว ข้าวมีสารอาหารสูง และให้ไขมันต่ำ จึงเป็นอาหารประจำที่อยู่ในเมนูของชาวญี่ปุ่นเกือบจะทุกมื้อ ดังนั้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อาการผีอำ ที่เจอ เกิดจากผี หรือความผิดปกติของกล้ามเนื้อกันนะ

นอนหลับอยู่ดี ๆ ก็เกิดขยับตัวไม่ได้ พยายามตะโกนเรียกคนข้าง ๆ ก็ไม่มีเสียงออกมา ร่างกายกำลังโดน ผีอำ หรือว่าเป็นความผิดปกติของกล้ามเนื้อกันแน่ แล้วอาการที่เกิดขึ้นนั้นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ ใครที่เคยมีอาการนี้ขณะนอนหลับ และกังวลว่าจะเป็นอันตราย วันนี้  Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ อาการผีอำ มาช่วยไขข้อข้องใจให้ทุกคนค่ะ อาการผีอำ คืออะไร อาการผีอำ หรือทางการแพทย์เรียกว่า Sleep Paralysis เป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในขณะหลับไปได้ไม่นาน หรือในช่วงที่เพิ่งตื่นนอน สถาบันการการนอนหลับแห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Sleep Medicine) พบว่าคนส่วนใหญ่จะมีอาการผีอำครั้งแรกเมื่ออายุระหว่าง 14-17  ปี และคนจำนวนร้อยละ 40-50 ของประชากรโลกนั้นจะมีอาการผีอำ อาการผีอำนั้นสามารถเกิดขึ้นพร้อมกับอาการผิดปกติของการนอนหลับที่เรียกว่า โรคลมหลับ (Narcolepsy) ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง ผู้ที่เป็นโรคนี้จะเกิดอาการง่วงนอนในเวลาที่ผิดปกติ หรือจะรู้สึกง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะนอนมากขนาดไหนก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่เป็นโรคลมหลับก็สามารถเกิดอาการ ผีอำ ได้เช่นกัน แม้อาการนี้จะไม่เป็นอันตราย แต่ก็อาจสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้ที่เจอปัญหานี้ได้ อาการผีอำ เป็นอย่างไร อาการ ผีอำ เป็นอาการที่ไม่ต้องเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน แต่อาจทำให้ผู้ที่มีอาการ ผีอำ เกิดอาการวิตกกังวลได้ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อาการบาดเจ็บที่สมอง ส่งผลเสียอย่างไรต่อตัวคุณบ้าง

อาการบาดเจ็บที่สมอง ถือเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในบรรดาเด็กๆ เนื่องจากพวกเขาอาจจะยังไม่สามารถสื่อสารให้คุณพ่อคุณแม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดของพวกเขาได้ อาการบาดเจ็บที่สมองเกิดจากการได้รับแรงกระทบกระเทือนอย่างหนัก อาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้ วันนี้ทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน ทำความรู้จักกับ อาการบาดเจ็บที่สมอง (Traumatic brain injury) อาการบาดเจ็บที่สมอง (Traumatic brain injury หรือ TBI) สามารถเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดคิด ซึ่งสามารถส่งผลทำให้ร่างกายพิการหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว อาการบาดเจ็บทางสมองนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อสมองปะทะกับด้านในของกะโหลกศีรษะ ทำให้อาจมีรอยช้ำ มีเลือดออกในสมอง ทั้งยังอาจทำให้เส้นประสาทฉีกขาดได้อีกด้วย และถ้าหากรุนแรงมากขึ้นขั้นกะโหลกศีรษะแตก ส่วนที่แตกหักก็อาจจะไปเจาะเนื้อเยื่อสมองได้เช่นกัน อาการบาดเจ็บทางสมองอาจเกิดขึ้นได้จากการเล่นกีฬา การถูกรุกรานทางกายภาพ อุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (The Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) ได้กำหนดให้ อาการบาดเจ็บที่สมอง เป็นการหยุดชะงักในการทำงานของสมองแบบปกติ ที่อาจเกิดจากการที่ศีรษะไปชน หรือกระแทก จนศีรษะได้รับการบาดเจ็บจนถึงขั้นทะลุ ทั้งนี้ ความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับว่า ส่วนใดของสมองที่ได้รับการกระทบกระเทือน แต่ไม่ว่าจะเป็นบริเวณเฉพาะเจาะจงหรือบริเวณกว้าง ก็มีผลต่อความเสียหายของสมองได้ทั้งสิ้น ในกรณีที่ไม่ได้รับความกระทบอย่างรุนแรง อาจจะทำให้เกิดความสับสน ปวดศีรษะชั่วคราว หรือหากได้รับการกระทบกระเทือนอย่างมาก ก็อาจทำให้หมดสติ ความจำเสื่อม […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อาเจียนเป็นเลือด หลังดื่ม สัญญาณร้ายของโรคภัยหรือเปล่า

อาการ อาเจียนเป็นเลือด หลังดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติและเรื่องอันตรายที่ควรปรึกษาแพทย์ทันที แต่บางครั้งการอาเจียนเป็นเลือดก็ไม่ใช่สัญญาณของอาการป่วย หรือสัญญาณฉุกเฉินทางการแพทย์แต่อย่างใด มีหลายสาเหตุที่ส่งผลให้อาเจียนเป็นเลือดหลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือที่รู้จักกันว่า อาเจียนเป็นเลือด (Hematemesis) ซึ่งปริมาณและสีของเลือดที่ออกมาตอนอาเจียนสามารถบอกได้ว่าเป็นสัญญาณอันตรายหรือไม่ เช่น หากเลือดเป็นสีแดงสด บางครั้งอาจเกิดจากสาเหตุทั่วไป คือเลือดกำเดาไหลไหลกลับเข้าไปในลำคอและไหลลงสู่ท้อง จึงอาเจียนออกมาเป็นเลือด หรือหากเลือดที่อาเจียนออกมาเป็นสีดำเหมือนกากกาแฟ มักจะเป็นเลือดที่แห้งที่อยู่ในท้อง วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาการอาเจียนเป็นเลือด หลังดื่มมาฝากกันค่ะ [embed-health-tool-bmi] อาเจียนเป็นเลือด หลังดื่มแอลกอฮอล์ เกิดขึ้นได้อย่างไร การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก สามารถทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น อาเจียนเป็นเลือด หลังดื่ม ซึ่งการอาเจียนเป็นเลือดหลังดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องที่อันตรายต่อสุขภาพ ขนาดที่สามารถทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว ซึ่งปัญหาการอาเจียนเป็นเลือดนั้นเกิดจาก การที่แอลกอฮอล์เข้าไปในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเกิดความระคายเคือง นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังทำให้เกิดการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารขึ้นมาที่หลอดอาหารอีกด้วย ซึ่งกรดเหล่านี้จะทำให้เนื้อเยื่อมีความระคายเคืองมากขึ้นจนทำให้เกิดแผลจนเลือดไหลออกมา เมื่ออาเจียนจึงทำให้มีเลือดปนเปื้อนออกมาด้วย บางครั้งการ อาเจียนเป็นเลือด ยังอาจเกิดจาก ยา ที่ใช้เพื่อรักษาอาการของโรคที่เรากำลังเป็นอยู่ เมื่อดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป อาจทำให้ยาและแอลกอฮอล์เกิดปฏิกิริยาที่ส่งผลต่อเนื้อเยื่อบริเวณกระเพาะอาหารทำให้เกิดความระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร จนทำให้เลือดไหล ส่วนใหญ่แล้วยาที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อกระเพาะอาหารคือ ยาที่ส่งผลทำให้กระเพาะระคายเคืองอยู่แล้ว เช่น นาพรอกเซน (Naproxen) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) แอสไพริน (Aspirin) ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ถึงข้อควรระวังในการใช้ยา อาการของผู้ที่มีการอาเจียนเป็นเลือด หลังดื่มแอลกอฮอล์ สัญญาณที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน […]


ข่าวสารสุขภาพทั่วไป

ปลาหมึกมีความฉลาดเท่าสุนัข รู้หรือไม่

นักวิจัยได้อ้างว่า ปลาหมึกมีความฉลาดเท่าสุนัข เนื่องจากสมองของปลาหมึกนันมีความซับซ้อนเท่ากับสมองของสุนัขเลยก็ว่าได้ เราทุกคนต่างรู้ดีว่า สัตว์ตระกูลปลาหมึก (Cephalopods) นั้นฉลาดขนาดไหน นั่นก็เพราะมันมีระบบประสาทที่ซับซ้อนนั่นเอง โดยนักวิจัยได้ทำการศึกษาด้วยการถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก ทำให้เห็นว่าสมองของปลาหมึกนั้นมีการเชื่อมโยงกันสมบูรณ์ขนาดที่ ปลาหมึกมีความฉลาดเท่าสุนัข ก็มีความเป็นไปได้ การใช้ MRI (Magnetic Resonance Imaging) ที่มีความละเอียดสูง พร้อมด้วยการใช้เทคนิคการย้อมสี ทำให้นักวิจัยสามารถค้นพบ และอธิบายถึงการเชื่อมโยงของสมอง ที่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ในปลาหมึกก่อนหน้านี้ “สัตว์ตระกูลปลาหมึก นั้นประกอบด้วย ปลาหมึกหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีสมองที่ซับซ้อนใกล้เคียงกับสุนัขและหนู แต่หนูจะมีจำนวนเซลล์ประสาทมากกว่าปลาหมึกอยู่นิดหน่อย” นักประสาทวิทยา จากสถาบันสมอง มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์  (QBI) ในออสเตรเลีย ได้กล่าวเอาไว้ สมมติว่าเซลล์ประสาทของ ปลาหมึก นั้นมีอยู่ 500 ล้านเซลล์ กับ 200 ล้านเซลล์ แต่สำหรับหนูและหอยจะมีเซลล์ประสาทอยู่ 20,000 ล้านเซลล์เลยทีเดียว เราทุกคนรู้ดีว่า ความซับซ้อนของระบบประสาท ไม่จะเป็นจะต้องสัมพันธ์กับระดับสติปัญญาแต่อย่างใด และเราก็ต่างรู้ด้วยว่าสุนัขนั้น มีเปลือกสมองที่ค่อนข้างหนา ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก ที่ได้เห็นการเชื่อมโยงระบบสมองในปลาหมึก คอนเน็คโทม (Connectome) คือ การทำแผนที่ของการเชื่อมต่อประสาทที่มีอยู่ในระบบประสาทหรือในส่วนของระบบประสาทในสมองปกติ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการทำแผนที่ของการเชื่อมต่อประสาทของปลาหมึกหอม (Sepioteuthis lessoniana) โดยทีมนักวิจัยได้ใช้เครื่อง MRI […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

โรคเมลิออยด์ อีกหนึ่งโรคร้ายที่มากับฝน

การใช้สารเคมีเพื่อกำจัดศัตรูพืช ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกรเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ พามารู้จักกับ  “โรคเมลิออยด์”  ผู้ป่วยโรคนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวเกษตรกรทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพบมากในช่วงฤดูฝน จะมีลักษณะอาการอย่างไรบ้างนั้น ไปหาคำตอบพร้อมกันเลยค่ะ โรคเมลิออยด์ (Melioidosis) คืออะไร โรคเมลิออยด์หรือโรคเมลลิออยโดลิส (Melioidosis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ปนเปื้อนในดินและน้ำทุกภูมิภาคในประเทศไทย พบได้บ่อยที่สุดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพบอัตราผู้ป่วยมากที่สุดในช่วงฤดูฝน ความรุนแรงของโรคนี้หากติดเชื้อในกระแสเลือดอาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ในทันที สาเหตุของโรคเมลิออยด์ การติดเชื้อโรคเมลิออยด์มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า  Burkholderia pseudomallei  ซึ่งพบได้ทั้งในน้ำและในดิน หรืออาจติดต่อจากสัตว์ที่มีเชื้อนี้อยู่ โดยการสัมผัสสัตว์เลี้ยงอย่าง สุนัข แมว วัว โค ควาย เป็นต้น โรคนี้สามารถติดต่อสู่คนได้ทุกเพศทุกวัย แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้รับเชื้อนี้จะมีจะมีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยทาลัสซีเมีย ผู้ป่วยโลหิตจาง โรคปอดเรื้อรัง ผู้ที่ติดเชื้อวัณโรค เป็นต้น  อาการที่บ่งบอกว่า คุณเสี่ยงเป็นโรคเมลิออยด์ ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงออกทางร่างกายที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าอวัยวะส่วนใดของร่างกายได้รับเชื้อ โดยมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันออกไปดังต่อไปนี้ การติดเชื้อที่ปอด หากผู้ป่วยได้รับการติดเชื้อที่ปอด จะทำให้มีอาการตัวร้อน ไข้ขึ้น ไอ มีเสมหะ ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ  เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด การติดเชื้อในกระแสเลือด ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อเชื้อ เช่น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยความดันโลหิตต่ำ  ผู้ป่วยโรคเบาหวาน กรณีผู้ป่วยที่มีบาดแผลเชื้ออาจเข้าทางบาดแผลและติดเชื้อในกระแสเลือด […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

"ลดกินหวาน" ต้านโรคร้าย ได้สุขภาพดี

เคยรู้สึกไหมว่า ในวัน ๆ หนึ่ง ในแต่ละมื้อ คุณรับประทานน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายในปริมาณเท่าไหร่ และอย่างที่เรารู้กันดีว่า การกินหวานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เสี่ยงที่จะทำให้คุณเป็นโรคร้ายได้หลายโรค ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดันโลหิต หรือโรคหัวใจ ดังนั้น วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาคุณผู้อ่านทุกท่านหันมาเริ่มเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกิน เริ่มด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างการ ลดกินหวาน กันก่อนเลย ทำไมถึงควร ลดกินหวาน สาเหตุที่มักจะได้ยินเรื่องของการรณรงค์ให้ “งดกินหวาน” หรือ “กินหวานให้น้อยลง” ก็เป็นเพราะว่า ในปัจจุบันมีหลากหลายโรคเรื้อรัง และอาการทางสุขภาพเกิดขึ้น เนื่องมาจากการรับประทานอาหารที่มีปริมาณระดับน้ำตาลสูง การรับประทานอาหารเหล่านี้บ่อย ๆ หรือติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ สามารถที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงทางสุขภาพได้มากมาย ดังนี้ โรคอ้วน ปัญหาเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ โรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง ภาวะอักเสบเรื้อรัง ภาวะไขมันพอกตับ ปัญหาสุขภาพช่องปาก คราบจุลินทรีย์ ฟันผุ ในหนึ่งวันควรกินหวานประมาณเท่าไหร่ แม้น้ำตาลจะเป็นส่วนหนึ่งในสาเหตุของโรคและอาการทางสุขภาพมากมาย แต่ร่างกายก็ยังจำเป็นที่จะต้องได้รับปริมาณน้ำตาลในแต่ละวันเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน โดยระดับน้ำตาลที่เหมาะสมและเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันนั้น สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา หรือ American Heart Association ได้ให้คำแนะนำในเรื่องนี้ไว้ว่า  ผู้ชาย ควรรับประทานน้ำตาลไม่เกิน 9 ช้อนชา หรือประมาณ 36 กรัม หรือ 150 […]


ข่าวสารสุขภาพทั่วไป

แพลงกิ้ง 4 ชั่วโมง สาวแคนาดาพิสูจน์ความอึด ทุบสถิติโลก!

คนส่วนใหญ่แค่ แพลงกิ้ง (Planking) 4 นาที ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนมากแล้ว แต่ ดาน่า โกลวแว๊กก้าร์ (Dana Glowacka) นักกีฬาชาวแคนนาดา เธอไม่เหมือนกับคนที่ชอบทำแพลงกิ้งคนส่วนใหญ่ ดาน่า โกลวแว๊กก้าร์ (Dana Glowacka) ได้สร้างสถิติโลกใหม่ ในหมวดสำหรับผู้หญิง ด้วยการ แพลงกิ้ง นานถึง 4 ชั่วโมง 19 นาที 55 วินาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุด เธอทำลายสถิติครั้งนี้ได้ในงาน การประชุมฝึกอบรมแพลงกิ้งนานาติ ครั้งที่ 1 (the 1st International Plank Training Conference) ซึ่งจะขึ้นที่รัฐอิลลินอยส์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งครูสอนโยคะของดาน่า ก็เคยทำลายสถิติในหมวดนี้ได้เช่นกัน โดย มาเรีย คาริเมร่า (Maria Kalimera) ครองแชมป์ ณ ตอนนั้นด้วยสถิติแพลงกิ้งด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 31 […]


ข่าวสารสุขภาพทั่วไป

ตื่นด้วยเสียงเพลง ดีกว่าตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ ตื่นตัวดี ไม่งัวเงีย

การ ตื่นด้วยเสียงเพลง ถูกวิจัยโดยนักวิจัยชาวออสเตรเลีย เนื่องจากนักวิจัยชาวออสเตรเลียกลุ่มหนึ่ง มีอาการป่วยในตอนเช้า ซึ่งคาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากการใช้วิธีการปลุกที่อาจจะไม่ถูกต้องก็เป็นได้ การวิจัยเรื่องเกี่ยวกับการใช้เสียงปลุกจึงเกิดขึ้นมา ซึ่งเมื่อได้ทำการวิจัยแล้วพบว่า หากคุณใช้เสียงที่ดังและรุนแรงมากมาใช้เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่น จริงๆ มันอาจส่งผลทำให้คุณรู้สึกอึดอัดได้ อย่างไรก็ตาม การ ตื่นด้วยเสียงเพลง ที่มีความไพเราะมากขึ้นอาจช่วยทำให้คุณรู้สึกตื่นตัว หลังจาก ตื่นนอน ได้ดีกว่า จากการศึกษาของนักวิจัยชาวออสเตรเลีย ซึ่งตีพิมพ์ใลงนวารสาร PLoS One ได้วิจัยด้วยการให้ตอบแบบสอบถามแบบไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวจำนวน 50 คน วึ่งข้อมูลที่ถามถึงก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเภทของ เสียง ที่พวกเขาใช้ในการปลุกตัวเองให้ตื่น และวิธีที่ทำให้พวกเขารู้สึก ตื่น ตัวหลังจาก ตื่นนอน สจ๊วต แมคฟาร์แลนด์ (Stuart McFarlane) หัวหน้านักวิจัยระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัย Royal Melbourne Institute of Technology หรือ RMIT กล่าวว่า ทีมของเขาได้ค้นพบว่า สัญญาณเตือนที่ผู้คนคิดว่าไพเราะนั้น เชื่อมโยงกับความรู้สึกตื่นตัวของพวกเขา สจ๊วต แมคฟาร์แลนด์ อธิบายว่า ดนตรี หรือเมโลดี้ (Melody) ถูกมองว่าเป็น  เอกลักษณ์ (Articulate Entity) […]


ข่าวสารสุขภาพทั่วไป

คน แพ้ถั่วลิสง มีเฮ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา รับรองยาแก้แพ้ถั่วลิสง

อาการ แพ้ถั่วลิสง นั้นเป็นอาหารที่ถูกพบว่า มีคนแพ้บ่อยมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งล่าสุดทางสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติการรักษาโรคภูมิแพ้ถั่วลิสงในเด็กเป็นครั้งแรกแล้ว ยาเออาร์101 (AR101) หรือ พอลโฟร์เซีย (Palforzia) ถูกนำมาใช้ในการฉีดวัคซีนในช่องปากของเด็กๆ โดยยาตัวนี้จะทำให้เด็กๆ นั้น ได้รับโปรตีนจากถั่วลิสงจำนวนน้อยลง ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ถึง 6 เดือนด้วยกัน หลังจากได้รับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้จะต้องทานยาต้านทุกวัน เพื่อให้ร่างกายสามารถทนต่อการสัมผัสถั่วอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่การรักษานี้ ไม่ใช้การรักษาที่ถาวร ทางผู้ผลิตได้ออกมาเตือนว่า เมื่อใช้ยานี้แล้วแต่ผู้ใช้ก็ยังอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคภูมิแพ้ถั่วลิสงได้ และผู้ใช้ยังจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงถั่วลิสงในอาหารของตนเองอยู่ดี ถั่วลิสง ถือเป็นสารก่อโรคภูมิแพ้อาหาร ที่พบมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีจำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบ เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ถั่วลิสงเพิ่มขึ้นในแถบตะวันตก ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ในขณะที่มีการทดลองเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ถั่วลิสง ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในสหรัฐอเมริกาและที่อื่นๆ ได้อนุมัติยาเออาร์101 (AR101) หรือ พอลโฟร์เซีย (Palforzia) โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) แต่ยานี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ในสหราชอาณาจักร ยาเออาร์101 หรือ พอลโฟร์เซีย ได้รับการอนุมัติ ให้ใช้ได้ในผู้ป่วยที่มีอายุระหว่าง 4-17 ปี ซึ่งยาชนิดนี้ จะอยู่ในรูปแบบของผง ซึ่งเวลาใช้ก็เพียงแค่โรยลงบนอาหารที่จะทานเท่านั้น การออกฤทธิ์ของยาเออาร์101 หรือ พอลโฟร์เซียนั้น ก็ออกแบบมาให้ลดความไวต่อถั่วลิสงเพียงเท่านั้น ดังนั้น การรักษาในช่องปากครั้งแรก จึงเป็นเพียงการช่วยบรรเทาอาการแพ้ถั่วลิสง […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน