backup og meta

ตะคริวที่เท้า ยิ่งนั่งนานก็ยิ่งเป็น จะรับมืออย่างไรได้บ้าง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 25/05/2020

    ตะคริวที่เท้า ยิ่งนั่งนานก็ยิ่งเป็น จะรับมืออย่างไรได้บ้าง

    ตะคริวที่เท้า เป็นอาการทางสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศและทุกวัย และสามารถเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ชนิดที่ไม่เลือกทั้งเวลาและสถานที่ ทั้งตอนตื่นนอน ขณะที่กำลังนอน หรือแม้แต่ตอนที่กำลังอยู่ในห้องน้ำก็ตาม อาการตะคริวที่เท้า เกิดจากอะไร และจะรับมืออย่างไร ไปตามดูกันได้เลยในบทความนี้จาก Hello คุณหมอ

    สาเหตุของ ตะคริวที่เท้า

    อาการตะคริวที่เท้า เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ คุณอาจเป็นตะคริวได้จากเหตุปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ภาวะขาดน้ำ

    หากในแต่ละวันมีการดื่มน้ำไม่เพียงพอ ร่างกายจะมีอาการขาดน้ำ ส่งผลให้เกลือแร่ของเลือด (electrolytes) โพแทสเซียม โซเดียม และแมกนีเซียมในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในกล้ามเนื้อ และถ้าหากกล้ามเนื้อเกิดความไม่สมดุล จะทำให้กล้ามเนื้อที่นิ้วเท้าและฝ่าเท้าเกิดการหดตัวจนเกิด อาการตะคริวที่เท้า ขึ้นมา

    ไม่ค่อยออกกำลังกาย

    การไม่ออกกำลังกายนอกจากจะทำให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เสี่ยงที่จะเป็นโรคภัยไข้เจ็บชนิดรุนแรงและเรื้อรังแล้ว ยังสามารถส่งผลให้เกิด อาการตะคริวที่เท้า ได้อีกด้วย เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายแข็งแรง กล้ามเนื้อและระบบประสาทเกิดความสมดุล ทำให้กล้ามเนื้อไม่หดตัว ลดโอกาสในการเป็นตะคริว

    สวมใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม

    ในแต่ละวันเราใช้เท้าในการก้าวเดินไปยังที่ต่าง ๆ หลายร้อยหลายพันก้าว การเลือกรองเท้าที่มีรูปแบบการดีไซน์ที่เหมาะสม จะช่วยในการกระจายน้ำหนักตัวได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม เช่น คับไป หรือหลวมไป จะส่งผลให้เป็นตะคริวได้

    อาการทางสุขภาพ

    ผู้ป่วยที่มีอาการทางสุขภาพบางประเภท อาจมีผลทำให้เกิด อาการตะคริวที่เท้า ได้ เช่น ผู้ป่วยด้วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis) โรคพาร์กินสัน หรือโรคเบาหวาน เพราะอาการทางสุขภาพดังกล่าวจะทำให้ระบบประสาทมีการเปลี่ยนแปลง อาจเกิดอาการกระตุก และทำให้เป็นตะคริว

    อายุ

    อายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นตะคริวมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อก็จะค่อย ๆ ลดประสิทธิภาพในการทำงานลง ปริมาณน้ำในกล้ามเนื้อก็น้อยลง จนอาจทำให้กล้ามเนื้อที่บริเวณเท้าและนิ้วเท้าเกิดการเกร็งตัว จนเป็น อาการตะคริวที่เท้า ในที่สุด

    การตั้งครรภ์

    แน่นอนว่าปัญหานี้พบได้เฉพาะเพศหญิง แต่แพทย์และผู้เชี่ยวชาญยังไม่มีการค้นพบถึงสามารถที่แท้จริงว่าทำไมผู้ที่ตั้งท้องจึงมี อาการตะคริวที่เท้า แต่สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะ

    หยุดตะคริวบริเวณขาและเท้าอย่างไรได้บ้าง

    อาการตะคริวที่เท้า หรือที่ขา สามารถที่จะป้องกันได้ง่าย ๆ เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางประการ ก็จะช่วยลดโอกาสในการเป็นตะคริว ซึ่งทุกคนสามารถที่จะทำตามได้ง่าย ๆ ดังนี้

    ดื่มน้ำให้มาก ๆ 

    การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ช่วยลดโอกาสในการเกิด ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มี อาการตะคริวที่เท้า

    สวมใส่รองเท้าที่เหมาะสมกับเท้า

    เลือกใส่รองเท้าที่เหมาะกับรูปเท้า เลือกให้พอดี ไม่คับ และไม่หลวมจนเกินไป เพื่อที่รองเท้าจะได้กระจายน้ำหนักตัวออกไปอย่างเหมาะสม สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

    ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    การออกกำลังกายแน่นอนว่าทำให้ร่างกายแข็งแรงและยังช่วยลด อาการตะคริวที่เท้าได้อีกด้วย หมั่นออกกำลังกายที่ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อต่าง ๆ ทั้งแขนและขา เพื่อให้ทั้งระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทเกิดความสมดุลมากขึ้น

    กินอาหารให้หลากหลาย

    การขาดสารอาหารบางประเภท ก่อให้เกิดตะคริวได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบทั้งผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์

    ยืดหยุ่นร่างกายอยู่เสมอ

    หากมี อาการตะคริวที่เท้า ในตอนกลางคืน ก่อนนอนควรมีการยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว และสามารถผ่อนคลายได้ดีขณะนอนหลับ

    เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ

    โรคภัยไข้เจ็บบางประเภทมีส่วนที่ทำให้เป็นตะคริวที่เท้า หากคุณมีอาการทางสุขภาพ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis) หรือโรคเบาหวาน ควรไปพบคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำหากมี อาการตะคริวที่เท้า และสงสัยว่าอาจมาจากโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่

    นอกจากนี้ หากคุณเป็นตะคริวที่เท้าบ่อยจนเกินไป รวมถึงมีอาการบวม แดง ที่เท้าหลังจากเป็นตะคริว ควรไปพบคุณหมอโดยทันที

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 25/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา