BMI (Body Mass Index) หรือ ค่าดัชนีมวลกาย เป็นเครื่องมือชี้วัดน้ำหนักว่าน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ หรือมีแนวโน้มน้ำหนักเกิน ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เพื่อทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานได้อย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-bmi]
BMI คืออะไร สำคัญอย่างไร
BMI คือ สูตรคำนวณค่ามาตรฐานของน้ำหนัก เพื่อบอกถึงแนวโน้มน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ และแนวโน้มน้ำหนักเกิน โดยค่า BMI ไม่ได้วัดมวลไขมันในร่างกายโดยตรง แต่เป็นวิธีวัดมวลกายโดยรวมที่อาจแสดงถึงการเผาผลาญอาหารในร่างกาย หรือแนวโน้มการเกิดโรค เพื่อควบคุมน้ำหนักและสุขภาพโดยรวมของร่างกาย ซึ่งความสำคัญของ BMI มีดังนี้
- เป็นตัวชี้วัดมาตรฐานความสมดุลของน้ำหนักตัวต่อส่วนสูง เพื่อประเมินสภาวะของร่างกายอย่างเหมาะสม
- เป็นเครื่องมือคัดกรองผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
โดยค่า BMI ใช้วิธีคำนวณจากค่า น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง และแสดงค่าเป็นหน่วย กิโลกรัม/เมตร2 สามารถแปลผลค่า BMI ได้ดังนี้
- น้อยกว่า 16.0 จัดเป็น โรคผอมระดับ 3
- 16.0 – 16.9 จัดเป็น โรคผอมระดับ 2
- 17.0 – 18.4 จัดเป็น โรคผอมระดับ 1
- 18.5 – 22.9 จัดเป็น เกณฑ์ปกติ
- 23.0 – 24.9 จัดเป็น น้ำหนักเกิน
- 25.0 – 29.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 1a
- 30.0 – 34.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 1b
- 35.0 – 39.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 2
- มากกว่าหรือเท่ากับ 40 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 3
ทั้งนี้ ค่า BMI ยังมีข้อกำจัดคือไม่สามารถบ่งบอกปริมาณของไขมันและกล้ามเนื้อในร่างกายได้ โดยเฉพาะสำหรับนักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายมาก ซึ่งอาจมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่าไขมันแม้จะมีค่า BMI สูง ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ว่าใครมีสุขภาพดีหรือไม่ และอาจต้องดูปัจจัยอื่นเพิ่มเติม เช่น เส้นรอบเอว
BMI เด็กและวัยรุ่น
การวัดค่า BMI ในเด็กและวัยรุ่นอาจมีความแตกต่างกับการวัดค่าในผู้ใหญ่เล็กน้อย โดยสูตรหาค่า BMI จะใช้สูตรเดียวกับผู้ใหญ่ แต่เด็กและวัยรุ่นจะต้องใช้แผนภูมิเฉพาะอายุและเพศร่วมด้วย เนื่องจากรูปแบบการเจริญเติบโต ปริมาณไขมัน และน้ำหนัก ของเด็กและวัยรุ่นในแต่ละเพศอาจมีความแตกต่างกัน
วิธีการคำนวณ
วิธีคำนวณหาค่า BMI ในเด็กและวัยรุ่นจะใช้วิธีเดียวกับผู้ใหญ่ โดยนำ น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เมตร)2 จากนั้นนำค่าที่ได้เป็นหน่วย กิโลกรัม/เมตร2 มาเทียบกับแผนภูมิของเด็กและวัยรุ่นในแต่ละเพศ เพื่อดูว่าน้ำหนักของเด็กและวัยรุ่นเหมาะสมกับอายุหรือไม่
การอ่านผลการคำนวณ
เมื่อคำนวณค่าน้ำหนักและเทียบแผนภูมิ สามารถสรุปเป็นค่ามาตรฐานได้ ดังนี้
- เด็กและวัยรุ่นที่มีน้ำหนักน้อย คือ น้อยกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 5
- เด็กและวัยรุ่นที่มีน้ำหนักเหมาะสม คือ อยู่ระหว่างเปอร์เซ็นไทล์ที่ 5 แต่น้อยกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 85
- เด็กและวัยรุ่นที่มีน้ำหนักเกิน คือ อยู่ระหว่างเปอร์เซ็นไทล์ที่ 85 แต่น้อยกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 95
- เด็กและวัยรุ่นที่มีภาวะอ้วน คือ มากกว่าหรือเท่ากับเปอร์เซ็นไทล์ที่ 95
BMI ผู้ใหญ่
วิธีการคำนวณ
วิธีคำนวณหาค่า BMI ในผู้ใหญ่ ใช้วิธี น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เมตร)2 ได้ค่าเป็นหน่วย กิโลกรัม/เมตร2 ซึ่งส่วนใหญ่ประเทศไทยจะวัดส่วนสูงเป็นหน่วยเซนติเมตร จึงสามารถคำนวณด้วยการนำ ส่วนสูง (เซนติเมตร) ÷ 100 ก็จะได้ความสูงเท่ากับหน่วยเมตร
ตัวอย่าง น้ำหนัก 63 กิโลกรัม ความสูง 170 เซนติเมตร (1.70 เมตร)
สามารถคำนวณได้ ดังนี้
63 ÷ (1.70)2 = ค่า BMI 21.78 กิโลกรัม/เมตร2 แสดงว่าน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
การอ่านผลการคำนวณ
สามารถแปลผลค่า BMI ได้ ดังนี้
- น้อยกว่า 16.0 จัดเป็น โรคผอมระดับ 3
- 16.0 – 16.9 จัดเป็น โรคผอมระดับ 2
- 17.0 – 18.4 จัดเป็น โรคผอมระดับ 1
- 18.5 – 22.9 จัดเป็น เกณฑ์ปกติ
- 23.0 – 24.9 จัดเป็น น้ำหนักเกิน
- 25.0 – 29.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 1a
- 30.0 – 34.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 1b
- 35.0 – 39.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 2
- มากกว่าหรือเท่ากับ 40 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 3
อย่างไรก็ตาม การแปลผลค่า BMI อาจยังมีข้อจำกัดบางประการ คือ สำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายและมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่าไขมัน ผู้ที่มีภาวะบวมน้ำ หรือกลุ่มชาติพันธ์ุที่มีสัดส่วนร่างกายเล็ก อาจทำให้ค่า BMI สูงได้โดยที่ไม่ได้มีภาวะน้ำหนักเกิน