มีนักวิจัยได้คำนวณเอาไว้ว่า ผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ำกว่าที่ระบุเอาไว้แนวทางปัจจุบันนั้น มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคนที่มีระดับวิตามินดีสูงกว่าที่ระบุเอาไว้ จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งชนิดนี้ลดลง 22 เปอร์เซ็นต์
2. อาจช่วยป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว
วิตามินดีอาจช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้ แต่ยังต้องหามีการศึกษาเพิ่มเติมว่า วิตามินส่งผลเช่นนี้ได้อย่างไร โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการรายงานว่า นักวิจัยได้ทำการทดสอบกับหนูทดลอง เพื่อทำการศึกษาในเรื่องเนื้อเยื่อบริเวณหัวใจที่เกิดรอยแผลเป็น เนื่องจากเวลาที่เนื้อเยื่อบริเวณหัวใจเกิดรอยแผลเป็นนั้น หัวใจก็จะสูบฉีดเลือดได้ยากลำบากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการหัวใจล้มเหลวขึ้นในที่สุด
ซึ่งผลการศึกษาวิจัย พบว่า วิตามินดีช่วยไม่ให้เนื้อเยื่อบริเวณหัวใจของหนูทดลอง เกิดเป็นรอยแผลเป็นขึ้นมา จึงช่วยป้องกันการอุดตันในระบบหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งถ้าทำการศึกษาวิจัยต่อไปให้มากขึ้น นักวิจัยเชื่อว่าวิตามินดีน่าจะเป็นตัวช่วยในการป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลวในมนุษย์ได้
3. อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์
ในการหาข้อสรุปว่าวิตามินดีสามารถช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้มั้ยนั้น ผลการศึกษาวิจัยได้เผยข้อสรุปออกมาว่า อาการขาดวิตามินดีนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ แต่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกันระหว่างการโดนรังสียูวีในแสงแดด กับการป้องกันโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคพาร์กินสัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการผลิตวิตามินดีในร่างกายด้วย ซึ่งยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้
4. กำจัดไขมันบริเวณหน้าท้อง
การศึกษาวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง ที่ทำการศึกษาในเรื่องความสัมพันธ์กันระหว่างโรคอ้วน กับการมีระดับวิตามินดีต่ำ โดยเน้นศึกษาเรื่องไขมันในร่างกายชนิดไหนที่อาจตอบสนองต่อวิตามินดี ซึ่งนักวิจัยรายงานว่าไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีวิตามินดีในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาข้อสรุปว่าการขาดวิตามินดีทำให้เกิดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง หรือการมีไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องแล้วทำให้เกิดอาการขาดวิตามินดีกันแน่
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี มีอะไรบ้าง
นอกจากการได้รับวิตามินดีจากแสงแดดแล้ว การรับประทานอาหารเหล่านี้ก็อาจช่วยเพิ่มระดับวิตามินดีได้
- ปลาแซลมอน ผลการศึกษาวิจัยพบว่าปลาแซลมอนมีวิตามินมากถึง 988 IU ต่อน้ำหนัก 100 กรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ควรกินในแต่ละวันถึง 247%
- ปลาซาร์ดีน มีวิตามินดีอยู่ 272 IU ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ควรกินในแต่ละวัน 68%
- น้ำมันปลา น้ำมันปลาหนึ่งช้อนชามีวิตามินดีอยู่ 450 IU ซึ่งใช้ป้องกันการขาดวิตามินดีในเด็กกันมานานแล้ว
- ปลาทูน่ากระป๋อง ปลาทูน่ากระป๋องมีวิตามินดี 236 IU ต่อน้ำหนัก 100 กรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ควรกินในแต่ละวัน 50%
- หอยนางรม มีวิตามินดี 320 IU ต่อน้ำหนัก 100 กรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ควรกินในแต่ละวัน 80% แต่มีแคลอรี่มากถึง 68 แคลอรี่
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย