การวิจัยชิ้นหนึ่ง ว่าด้วยการดื่มน้ำมะเขือเทศแบบไม่เติมเกลือเพื่อช่วยปรับระดับความดันโลหิตและระดับไขมันความหนาแน่นต่ำ ในชาวญี่ปุ่นซึ่งเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Science & Nutrition ปี พ.ศ. 2562 ได้ทดลองให้อาสาสมัครชาวเมืองคุริยามะ (Kuriyama) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 481 ราย ที่เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ดื่มน้ำมะเขือเทศแบบไม่เติมเกลือเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่จำกัดปริมาณ ซึ่งส่วนใหญ่บริโภคน้ำมะเขือเทศในปริมาณราว ๆ 200 มิลลิลิตร/วัน
ผลการวิจัยสรุปว่า การบริโภคน้ำมะเขือเทศแบบไม่เติมเกลือ อาจมีส่วนช่วยลดระดับความดันโลหิตทั้งขณะหัวใจบีบตัวและคลายตัว ในผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
-
โกโก้
ผงโกโก้มีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งสามารถช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี นอกจากนี้ การดื่มโกโก้ยังอาจช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของภาวะความดันโลหิตสูงด้วย การบริโภคโกโก้จึงอาจช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับคุณสมบัติในจัดการความดันโลหิตสูงของสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition Reviews เมื่อปีพ.ศ. 2558 อธิบายว่า สารกลุ่มฟลาโวนอยด์อาจมีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิต หรือป้องกันไม่ให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงเกินไป ลุ่มคนที่มีภาวะสุขภาพแตกต่างกันได้ เช่น กำลังเป็นโรคเบาหวาน มีการเผาผลาญอาหารของร่างกายที่ผิดปกติ
ทั้งนี้ คุณสมบัติหนึ่งของสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ในการควบคุมระดับความดันโลหิต คือ การส่งเสริมให้เยื่อบุหลอดเลือดทำงานได้อย่างเป็นปกติทั้งทางตรงและทางอ้อม
อาหารที่อุดมไปด้วยสารกลุ่มฟลาโวนอยด์นอกเหนือจากโกโก้ ได้แก่ กะหล่ำม่วง หัวหอม ผักเคล ชา ไวน์แดง ดาร์กช็อกโกแลต ถั่วเหลือง ผลไม้ตระกูลส้ม และเบอร์รี่ต่าง ๆ
อีกหนึ่งงานวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของโกโก้ต่อความดันโลหิตที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Cochrane Database of Systematic Reviews เมื่อปีพ.ศ. 2560 ได้ข้อสรุปว่า การบริโภคโกโก้อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งอาจช่วยลดค่าความดันโลหิต
-
เมล็ดเจีย
เมล็ดเจียมีสารต้านอนุมูลอิสระเควอซิทิน (Quercetin) ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความรุนแรงของภาวะความดันโลหิตสูง ด้วยการส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด และช่วยลดภาวะเครียดออกซิเดชันในร่างกาย การบริโภคเมล็ดเจีย จึงอาจช่วยลดความดันโลหิตได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับคุณสมบัติของเมล็ดเจียในการช่วยลดความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition and Health เมื่อปีพ.ศ. 2564 นักวิจัยแบ่งกลุ่มอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้บริโภคเมล็ดเจียในปริมาณ 400 กรัม/วัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ส่วนอีกกลุ่มไม่บริโภคอะไรเพิ่มเติมนอกจากการบริโภคอาหารในชีวิตประจำวันตามปกติ เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างด้านสุขภาพของทั้ง 2 กลุ่ม ผลที่พบคือ กลุ่มที่บริโภคเมล็ดเจียมีระดับความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้บริโภคอะไรเพิ่มเติม จึงสรุปได้ว่า การบริโภคเมล็ดเจียอาจช่วยลดความดันโลหิตได้
-
ผักบุ้ง
ผักบุ้งอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยควบคุมความดันโลหิต โดยทำหน้าที่ลดความตึงของหลอดเลือด และกระตุ้นให้ร่างกายขับโซเดียมซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของภาวะความดันโลหิตสูง
งานวิจัยชิ้นหนึ่งว่าด้วยคุณสมบัติของโพแทสเซียมในการป้องกันความดันโลหิตสูงที่ตีพิมพ์ในวารสาร Seminars in Nephrology เมื่อปีพ.ศ. 2542 ระบุว่า การบริโภคอาหารเสริมโพแทสเซียมในปริมาณมากขึ้น อาจช่วยป้องกันหรือบรรเทาภาวะความดันโลหิตสูงได้ โดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่ไม่สามารถลดการบริโภคโซเดียมซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้
นอกจากผักบุ้ง ยังมีอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงอื่น ๆ ได้แก่ มันฝรั่ง ผักโขม กล้วย เนื้อไก่ อะโวคาโด ส้ม มะพร้าว แซลมอน และผลิตภัณฑ์จากนมชนิดต่าง ๆ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย