อาหารแคลเซียมสูง มีอะไรบ้าง
อาหารแคลเซียมสูง ที่ดีต่อสุขภาพ มีดังต่อไปนี้
นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว
ตัวอย่างปริมาณแคลเซียมจากผลิตภัณฑ์นม เช่น
- นมชนิดไม่มีไขมัน ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 152 มิลลิกรัม
- นมเต็มมันเนย (Whole Milk) ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 115 มิลลิกรัม
- ชีส (Cheese) ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 71 มิลลิกรัม
นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม
เป็นนมที่มีปริมาณแคลเซียมใกล้เคียงกับนมวัว นมถั่วเหลืองปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 127 มิลลิกรัม มีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่านมวัว และไม่มีแลคโตส
ผักใบเขียว
ผักใบเขียว เช่น ตำลึง คะน้า ผักบุ้ง บร็อกโคลี ผักโขม กวางตุ้ง ปวยเล้ง เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี แม้ว่าปริมาณแคลเซียมจากผักใบเขียวจะไม่มากเท่าที่ได้จากน้ำนม แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูง อีกทั้งผักใบเขียวยังอุดมไปด้วยแมกนีเซียมและวิตามินเคซึ่งมีประโยชน์ต่อกระดูกเช่นกัน แมกนีเซียมช่วยรักษาความสมบูรณ์ของกระดูก ส่วนวิตามินเคจำเป็นสำหรับกระบวนการสร้างกระดูกใหม่
ตัวอย่างปริมาณแคลเซียมจากผักใบเขียว เช่น
- ผักร็อกเก็ตหรืออารูกูล่า (Arugula) ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 160 มิลลิกรัม
- ปวยเล้ง ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 99 มิลลิกรัม
- บร็อกโคลี ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 47 มิลลิกรัม
ปลา
ปลาเป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารแคลเซียมสูงที่สามารถหารับประทานได้ง่าย
ตัวอย่างปริมาณแคลเซียมจากปลา เช่น
- ปลาซาร์ดีนกระป๋อง ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 382 มิลลิกรัม
- ปลาไส้ตัน ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 147 มิลลิกรัม
- ปลาทูเค็ม ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 66 มิลลิกรัม
ถั่วและเมล็ดพืช
ถั่วและเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์ ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดงา เมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน มีแคลเซียมสูง ทั้งยังให้วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น วิตามินดี วิตามินอี แมกนีเซียม โพแทสเซียม แต่ในถั่วกลุ่มนี้อาจมีสารไฟเตท (Phytate) ที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมไปใช้
ตัวอย่างปริมาณแคลเซียมจากถั่วและเมล็ดพืช เช่น
- เมล็ดเจียปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 631 มิลลิกรัม
- อัลมอนด์ ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 273 มิลลิกรัม
- เมล็ดงาปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 116 มิลลิกรัม
- เมล็ดดอกทานตะวัน ปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมประมาณ 78 มิลลิกรัม
อาหารเสริมแคลเซียม
แคลเซียมสังเคราะห์ที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเสริมแคลเซียมมากที่สุด ได้แก่ แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium carbonate) และแคลเซียมซิเตรต (Calcium citrate) หากเปรียบเทียบอาหารเสริมแคลเซียมในปริมาณเท่ากัน แคลเซียมคาร์บอเนตและแคลเซียมซิเตรตจะมีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบ 40% และ 21% ตามลำดับ ร่างกายจะสามารถดูดซึมแคลเซียมในอาหารเสริมได้มากขึ้นหากรับประทานพร้อมกับอาหาร อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมอาจมีผลข้างเคียง เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก จึงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนตัดสินใจบริโภคอาหารเสริมแคลเซียม และควรบริโภคอย่างระมัดระวัง
วิตามินดี สำคัญต่อการดูดซึมแคลเซียมอย่างไร
นอกจากแคลเซียมแล้ว วิตามินดีก็เป็นสารอาหารสำคัญอีกหนึ่งชนิดที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมในอาหารเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีขึ้น วิตามินดีพบมากในอาหาร เช่น ไข่แดง น้ำมันปลา ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เห็ดนางฟ้า ทั้งยังมีอยู่ในแสงแดด จึงควรให้ผิวหนังได้สัมผัสกับแสงแดดอย่างน้อยวันละ 15-20 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน โดยเลือกช่วงเวลาที่มีแดดอ่อน ๆ เช่น ช่วงก่อน 9 โมงเช้า และหลัง 4 โมงเย็น และควรงดออกแดดนาน ๆ ในช่วง 10 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมง เพราะจะทำให้ผิวหนังได้รับรังสียูวีมากเกินไป จนส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
หากร่างกายได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอจะส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมในทางเดินอาหาร และอาจนำไปสู่ภาวะขาดแคลเซียมได้ และเมื่อมีแคลเซียมไม่เพียงพอ ร่างกายอาจไปดึงแคลเซียมในกระดูกออกมาใช้งานและทำให้กระดูกอ่อนแอและเปราะบาง ทั้งยังทำให้ไม่สามารถสร้างกระดูกใหม่ที่แข็งแรงได้ด้วย ในแต่ละวัน จึงควรได้รับทั้งแคลเซียม และวิตามินดี รวมถึงสารอาหารอื่น ๆ อย่างฟอสฟอรัสและโปรตีนอย่างเพียงพอ เพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย