เชอรี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยลดระดับไนตริกออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับโรคข้อเข่าเสื่อมและโรครูมาตอยด์ ผลการวิจัยพบว่า การรับประทานเชอรี่นานกว่าช่วงเวลา 2 วัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลง 35% ในการเกิดอาการปวดข้ออย่างเฉียบพลันเนื่องจากโรคเกาต์ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานเชอรี่ นอกจากนั้น เชอรี่ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ อาทิ วิตามินซี วิตามินเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก
[embed-health-tool-bmi]
ข้อมูลทางโภชนาการของเชอรี่
เชอรี่ 1 ถ้วยประมาณ 140 กรัม หรือประมาณ 21 ลูก ให้พลังงาน 90 แคลอรี่ และมีสารอาหารต่าง ๆ ดังนี้
- วิตามินซี 15% ของปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- โพแทสเซียม 350 มิลลิกรัมถือเป็น 10% ของปริมาณโพแทสเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- วิตามินเอ 2% ของปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- แคลเซียม 2% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- ธาตุเหล็ก 2% ของปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
- ไฟเบอร์ 1 กรัม
- โปรตีน 1 กรัม
- น้ำตาล 16 กรัม สำหรับเชอรี่ชนิดหวาน
ประโยชน์สุขภาพของเชอรี่
ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคข้ออักเสบและโรคเก๊าท์
เชอรี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยลดระดับไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับโรคข้อเข่าเสื่อมและโรครูมาตอยด์
การศึกษาระยะสั้นจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับประทานเชอรี่กับความเสี่ยงของอาการปวดข้ออย่างเฉียบพลันเนื่องจากโรคเกาต์กำเริบ งานวิจัยนี้ได้สังเกตกลุ่มตัวอย่างที่เป็นโรคเกาต์จำนวน 633 คนเป็นเวลา 1 ปี โดยนักวิจัยได้ขอให้ผู้ที่เข้าร่วมการทดลองรายงานอาการปวดข้ออย่างเฉียบพลันเนื่องจากโรคเก๊าท์ (Gout Attact) รวมถึงการรับประทานเชอรี่และสารสกัดเชอรี่ทุกวัน
ผลการวิจัยพบว่า การรับประทานเชอรี่นานกว่าช่วงเวลา 2 วัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลง 35% ในการเกิดอาการปวดข้ออย่างเฉียบพลันเนื่องจากโรคเกาต์ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานเชอรี่ นอกจากนี้ความเสี่ยงในการเป็นโรคเกาต์ยังลดลง 75% ด้วยเมื่อรับประทานเชอรี่ควบคู่กับการใช้ยาอัลโลพูรินอล (Allopurinol) ซึ่งเป็นยารักษาโรคเกาต์
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน
เชอรี่มีสารต้านอนุมูลอิสระแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารสีธรรมชาติ ที่ให้สีแก่ผลไม้ และยังมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า แอนโทไซยานินเพิ่มการผลิตอินซูลิน 50% แต่ยังไม่มีการทดสอบกับมนุษย์ นอกจากนี้ นักวิจัยยังให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่าให้จำกัดปริมาณเวลารับประทานลูกกวาดรสเชอรี่ เนื่องจากมีน้ำตาลมากและมีประโยชน์จากเม็ดสีของเชอรี่น้อย
ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
เชอรี่รสเปรี้ยวอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด และอาจเหมือนกับยาที่ใช้เพื่อช่วยควบคุมไขมันและกลูโคสในผู้ป่วยกลุ่มอาการอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome) ห้องปฏิบัติการวิจัยและป้องกันหัวใจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลว่า เชอรี่รสเปรี้ยวช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) แม้ว่าพวกเขาจะรับประทานยาตามที่คุณหมอสั่ง
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่เผยแพร่ในงาน Experimental Biology 2013 เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้ทำการทดลองกับหนูทดลอง โดยให้หนูที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองรับประทานเชอรี่รสเปรี้ยว ควบคู่กับการได้รับยาไพโอกลิตาโซน (Pioglitazone) ซึ่งเป็นยารักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ผลการวิจัยพบว่ามีการปรับสมดุลและช่วยลดความดันโลหิตได้
ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
สถาบันวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (AICR, The American Institute For Cancer Research) ให้ข้อมูลว่า ใยอาหารในเชอรี่อาจช่วยควบคุมน้ำหนักด้วย การมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากจนเกินไปเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็ง โดยสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง 7 ชนิด
งานวิจัยในมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างการรับประทานเชอรี่รสเปรี้ยวของหนูทดลอง กับเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ของมนุษย์ ผลการทดสอบพบว่าหนูที่รับประทานเชอรี่ที่มีสารแอนโทไซยานินหรือไซยาไนดิง (Cyaniding) มีเนื้องอกน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับหนูที่รับประทานอาหารที่มีการควบคุม
ในการศึกษาครั้งที่ 2 อาหารของหนูทดลองเป็นแบบเดียวกับอาหารของมนุษย์ ซึ่งผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานเชอรี่รสเปรี้ยวที่มีแอนโทไซยานินและไซยาไนดิง อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น
เชอร์อุดมไปด้วยแอนโทไซยานินที่อาจช่วยเพิ่มความจำ เนื่องจากงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Journal of Neuroscience ให้ข้อมูลว่าแอนโทไซยานินในเชอรี่ช่วยทำให้ความจำและการเคลื่อนที่ของหนูทดลองดีขึ้น
ช่วยทำให้นอนหลับสบาย
การรับประทานเชอรี่รสเปรี้ยวก่อนนอน จะช่วยเพิ่มช่วงเวลาการนอนหลับและคุณภาพการนอนหลับ เนื่องจาก เชอรี่รสเปรี้ยวเป็นหนึ่งในแหล่งอาหารที่เสริมสร้างฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับและการตื่นนอน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ได้ทำการศึกษานิสัยการนอนหลับของผู้ใหญ่ 15 คน ที่ดื่มน้ำเชอรี่รสเปรี้ยวปริมาณ 8 ออนซ์ในตอนเช้าและตอนเย็นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มหนึ่งที่ดื่มน้ำผลไม้ 8 ออนซ์โดยไม่มีส่วนผสมของเชอรี่
ผลการวิจัยพบว่าอาการนอนไม่หลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงระหว่างสัปดาห์ที่ผู้เข้าร่วมการทดลองดื่มน้ำเชอรี่ นอกจากนี้ผลการวิจัยยังพบอีกว่าโดยเฉลี่ยแล้วกลุ่มตัวอย่างสามารถประหยัดเวลาได้ประมาณ 17 นาทีหลังจากตื่นนอนเมื่อพวกเขาดื่มน้ำเชอรี่
ช่วยลดไขมันในร่างกาย
มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำเชอรี่รสเปรี้ยวอาจช่วยลดคอเลสเตอรอล รวมถึงลดไขมันแอลดีแอล (LDL) หรือที่เรียกว่า ไขมันเลว ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเนื่องจากทุกๆ 1% ในการลดคอเลสเตอรอล สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ 2% และการมีไขมันแอลดีแอลสูงเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจวาย
บรรเทาความเจ็บปวดหลังออกกำลังกาย
เชอรี่สามารถทำให้ความเจ็บปวดหลังการออกกำลังกายแบบ HIIT (High Intensity Interval Training) รุนแรงน้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการสึกหรอและการฉีดขาดของกล้ามเนื้อเนื่องจากการออกกำลังกาย และช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ด้วยเหตุนี้เอง เชอรี่รสเปรี้ยวจึงเป็นที่นิยมในหมู่นักกีฬามืออาชีพ และกลุ่มคนเล่นกีฬา