backup og meta

แป้งทนย่อย กับประโยชน์ทางสุขภาพดีๆ ที่คุณควรรู้จัก

แป้งทนย่อย กับประโยชน์ทางสุขภาพดีๆ ที่คุณควรรู้จัก

แป้งทนย่อย (Resistant Starch) เป็นแป้งที่มีความทนทานในการย่อย ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มมากขึ้น แต่หลายๆ คนอาจจะกำลังส่งสัยหรือไม่เคยได้ยินชื่อแป้งทนย่อยมาก่อน วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับแป้งทนย่อยมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ

แป้งทนย่อย (Resistant Starch) คืออะไร

แป้งทนบ่อย (Resistant Starch) เป็นแป้งที่สามารถแบ่งออกได้ 5 ชนิด ซึ่งแป้งทนย่อยแต่ละประเภทนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไปตามโครงสร้างทางกายภาพ หรือแตกต่างกันตามความทนการต้านทานการย่อย

แป้งทนย่อยประเภทที่ 1 มักพบได้ในธัญพืช เมล็ดพืช และพืชตระกูลถั่ว มีความทนการย่อยเพราะมีผนังเซลล์ (Cell Wall) ทำให้ร่างกายไม่สามารถย่อยได้

แป้งทนย่อยประเภทที่ 2 พบได้มากในอาหารประเภทแป้งบางชนิดและอาหารดิบ ซึ่งจะมีโครงสร้างที่เฉพาะทำให้ทนทานต่อการย่อย เช่น มันฝรั่งดิบ กล้วยที่ยังไม่สุก จะมีแป้งประเภทที่ 2 สูงกว่ากล้วยที่สุกเต็มที่แล้ว

แป้งทนย่อยประเภทที่ 3 เกิดขึ้นในอาหารประเภทแป้งที่มีความทนทานสูง ซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการให้ความร้อน จากนั้นก็ทำให้อาหารนั้นเย็นลง เช่นการปล่อยให้ข้าวหรือมันฝรั่งเย็น หลังจากการปรุงอาหาร จะทำให้แป้งบางส่วนกลายเป็นแป้งที่มีความทนทานสูง ซึ่งเป็นปรากฏการที่เรียกว่า รีโทรเกรเดชัน (Retrogradation) ซึ่งเป็นปรากฎการณ์การคืนตัวของแป้ง

แป้งทนย่อยประเภทที่ 4 แป้งทนย่อยประเภทนี้เป็นแป้งที่ผ่านกระบวนการแปรรูปและดัดแปลงมาแล้ว

แป้งทนย่อยประเภทที่ 5 เป็นแป้งที่มีการทำพันธะกับไขมันชนิดหนึ่ง และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง และทำให้ทนทานต่อการย่อยอาหารมากขึ้น

ประโยชน์ของ แป้งทนย่อย ต่อร่างกาย

แป้งทนย่อย เป้นแป้งที่ทำหน้าที่คล้ายกับไฟเบอร์ บางชนิดมาก โดยแป้งทนย่อยเหล่านี้จะไม่ผ่านกระบวนการย่อยที่ลำไส้เล็ก ทำให้พวกมันสามารถเป็นอาหารเพื่อเลี้ยงแบคทีเรียที่ลำไส้ใหญ่ได้ ซึ่งแบคทีเรียในระบบย่อยอาหารนั้นมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ

ปรับปรุงการย่อยอาหารและช่วยให้ลำไส้ใหญ่สุขภาพดี

เมื่อแป้งทนย่อยสามารถทนทานการย่อย จนมาถึงลำไส้ใหญ่ มันจะกลายเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะเปลี่ยนแป้งเหล่านี้ ให้กลายเป็นกรดไขมันสายโซ่สั้นๆ กรดไขมันเหล่านี้รวมถึง บิวทีเรท (Butyrate) ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญของเซลล์ของลำไส้ใหญ่ ซึ่งบิวทีเรท จะช่วยลดการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ทำให้สามารถช่วยป้องกันปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร เช่น ลำไส้อักเสบ (Ulcerative Colitis) มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Inflammatory Colorectal Cancer)

ในทางทฤษฎีแล้ว บิวทีเรท ยังมีส่วนช่วยปัญหาการอักเสบที่ลำไส้อื่นๆ อีกด้วย เช่น

  • ท้องผูก
  • ท้องเสีย
  • โรคโครห์น (Crohn’s disease)
  • โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ

ช่วยปรับปรุงความไวของอินซูลิน

การรับประทานแป้งทนย่อยมีส่วนช่วยในการปรับปรุงความไวของอินซูลินได้ในบางคน ซึ่งเป็นประโยชน์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าการลดความไวของอินซูลินลงนั้นมีอาจมีผลลดความผิดปกติได้หลายๆ อย่าง เช่น โรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจ

จากการศึกษาพบว่า ผู้ชายที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือว่าเป็นโรคอ้วน ที่บริโภคแป้งทนย่อย 15-30 กรัมต่อวัน มีความไวของอินซูลินที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ชายที่ไม่ได้บริโภคแป้งทนย่อย แต่อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่เข้าร่วมงานวิจัยชิ้นนี้ กลับไม่มีผลกระทบที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาความแตกต่างนี้

รู้สึกอิ่มมากขึ้น

การรับประทานแป้งทนย่อยนั้น ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้มากขึ้น จากการศึกษาในปี 2017 พบว่าการรับประทานแป้งทนย่อยวันละ 30 กรัม เป็นเวลานาน 6 สัปดาห์ ช่วยลดฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความหิว ในผู้ที่สุขภาพดีแต่น้ำหนักเกิน นอกจากนี้การรับประทานแป้งทนย่อยยังช่วยให้รู้สึกหิวน้อยลงในตอนเช้าอีกด้วย สำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักการรับประทานแป้งทนย่อยช่วยให้อิ่มได้นานขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่จะได้รับ และช่วยให้ไม่รับประทานของว่างเพิ่มขึ้น

อาหารที่มีแป้งทนย่อยสูง

อาหารทนย่อยเหล่านี้ เป็นอาหารที่มีปริมาณแป้งทนย่อยที่สูง เช่น

  • ธัญพืช
  • ข้าวโอ๊ต
  • มันฝรั่งแผ่นทอด
  • ถั่วขาว
  • ถั่ว
  • ขนมปังพัมเปอร์นิคเคิล (Pumpernickel) เป็นขนมปังที่ทำจากข้าวไรย์และโฮลวีต

Hello Health Group ม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

[embed-health-tool-bmr]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Source

Resistant Starch 101 — Everything You Need to Know

https://www.healthline.com/nutrition/resistant-starch-101

What is resistant starch?

https://www.medicalnewstoday.com/articles/327094.php

Resistant starch

https://www.nutrition.org.uk/nutritionscience/nutrients-food-and-ingredients/resistant-starch.html?__cf_chl_jschl_tk__=6be72ac56de6654b383d25a7f7607724cb7a40c6-1580929577-0-AQZQxHscryCzo2gUYFq2ZJ4_ObUUYQwDkm-Dn-AuBZR4SIzI8_sQFBlfjk_ESrRJAucxP5OCkjja4PzY5kk9EdFdtE1YuKAK9dRfLSqvtASJy5STscTCsTU7_UoYr4LA_M6nBpKEYAer0o0tsbLxlEJuWDYLpt0-SpLrW9GtnKux7eu4KvSnnDUrhKBURNkMO3HTjrZH30NT74jZxQz7EDPHNL8irz_UJgOyrRcXvEeRyPRaP29H8jmZtRFhat1t9QK8d7fiQVYC86FtWHj9vh5s7OmyTpXfrWhPY0IefKTupYaxqXo-qNKywv2bbw-dyyL5fPbkiG-CJ_JfsPMehv5kGX4N7EwKP8Y2jxl4W_k_Nvo4Zj-1Fie7BYnhl6sjv7nW-aHK2Rad3BWVTrzgfHqqV1AeVXmXfcaoUMR-5usC

เวอร์ชันปัจจุบัน

05/05/2020

เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: Pattarapong Khuaphu


บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้าวเหนียวลืมผัว (Luem Pua Glutinous Rice) อร่อยจนลืมผัวแถมยังดีต่อสุขภาพ

ไขมันกับคาร์โบไฮเดรต อะไรคือตัวการความอ้วนกันแน่


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 05/05/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา