backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก

ปอดติดเชื้อ เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไร

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 24/01/2023

ปอดติดเชื้อ เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไร

ปอดติดเชื้อ อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อราบริเวณปอดข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง ซึ่งอาจนำไปสู่อาการปอดอักเสบและปอดบวม ที่ส่งผลให้มีอาการหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก มีไข้สูง และเสี่ยงต่อภาวะปอดล้มเหลวที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิต ดังนั้น หากสังเกตว่ามีอาการดังกล่าวควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว

ปอดติดเชื้อ เกิดจากอะไร

ปอดติดเชื้อ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโทคอกคัส (Streptococcus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ไวรัสโควิด-19 หรือเชื้อราต่าง ๆ ที่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนผ่านการสูดลมหรือการสัมผัสกับวัตถุที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรค รวมถึงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ หลอดน้ำ ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและอาจส่งผลให้ปอดติดเชื้อได้

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อปอดติดเชื้อ

ผู้ที่แนวโน้มเสี่ยงต่อปอดติดเชื้อ อาจมีดังต่อไปนี้

  • ผู้สูงอายุ เนื่องจากอายุที่มากขึ้นอาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  • ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหอบหืด
  • ผู้ที่อยู่ในช่วงพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดหรือปลูกถ่ายอวัยวะ
  • ผู้ที่ทำเคมีบำบัดหรือฉายรังสีเพื่อรักษาโรคมะเร็ง
  • ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคไตเรื้อรังระดับรุนแรง

อาการของปอดติดเชื้อ

อาการของปอดติดเชื้อ ที่ควรสังเกต มีดังนี้

  • มีไข้สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
  • หนาวสั่น ปวดศีรษะและเจ็บคอ
  • คลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย
  • มีอาการไอแห้งหรือไอแบบมีเสมหะสีเขียว สีเหลืองหรือมีเลือดปน
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและอ่อนเพลีย
  • รู้สึกเบื่ออาหาร
  • เจ็บหน้าอกเฉียบพลันโดยเฉพาะขณะมีอาการไอ
  • หายใจลำบาก หายใจเร็ว และหายใจมีเสียงหืด
  • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • ริมฝีปากและเล็บซีดและเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือม่วง

วิธีรักษาปอดติดเชื้อ

การรักษาภาวะปอดติดเชื้ออาจทำได้

  • ยาลดไข้และยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน เพื่อช่วยลดไข้ บรรเทาอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
  • ยาแก้ไอ ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการไอ และช่วยละลายลายเสมหะหรือขจัดเสมหะออกจากปอด
  • ยาปฏิชีวนะ เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะปอดอักเสบและปอดบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรียเพื่อช่วยกำจัดแบคทีเรีย โดยชนิดของยาที่ผู้ป่วยได้รับจะผ่านการพิจารณาจากอาการที่เป็น
  • ยาต้านไวรัส เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะปอดอักเสบและปอดบวมจากการติดเชื้อไวรัส ใช้เพื่อช่วยฆ่าเชื้อไวรัส โดยคุณหมอจะพิจารณาตามอาการและชนิดของเชื้อไวรัสเพื่อจัดยาให้อย่างเหมาะสม

สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาหรือมีอาการแย่ลง คุณหมออาจจำเป็นต้องให้รักษาตัวในโรงพยาบาลและฉีดยาเข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรงหรือรับการบำบัดด้วยออกซิเจนและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

การป้องกันปอดติดเชื้อ

การป้องกันปอดติดเชื้อ อาจทำได้ดังนี้

  • เข้ารับการฉีดวัคซีนตามกำหนด เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ วัคซีนโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยเมื่อไม่สบายได้
  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแอดอัด เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยเฉพาะก่อน-หลังรับประทานอาหาร หลังจากเข้าห้องน้ำ หลังจากสัมผัสกับวัตถุสาธารณะ เป็นต้น เพื่อช่วยกำจัดสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส
  • ไม่ควรอยู่ใกล้กับผู้ป่วย และควรป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อต้องเข้าใกล้ผู้ป่วย
  • ทำความสะอาดวัตถุที่สัมผัสบ่อยครั้ง เช่น ผ้าห่ม ราวบันได พื้นบ้าน ผ้าม่าน โทรศัพท์มือถือ
  • ไม่ควรใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะวัตถุที่มีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งโดยตรง เช่น ช้อนส้อม จานชาม แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ ที่อาจช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ วันละ 30 นาที เพราะการออกกำลังกายอาจช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัสเมื่อเข้าสู่ร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการติดเชื้อในปอดได้ง่ายขึ้น
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด



    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 24/01/2023

    ad iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    ad iconโฆษณา
    ad iconโฆษณา