สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทยแนะนำให้ผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนปอดอักเสบทั้ง 2 ชนิด ผู้สูงอายุอาจฉีดวัคซีนปอดอักเสบชนิด 13 สายพันธุ์ 1 เข็ม ตามด้วยชนิด 23 สายพันธุ์ 1 เข็ม ห่างกัน 1 ปี เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการความรุนแรงของโรคหากติดเชื้อ
วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน (Tdap)
ผู้สูงอายุควรฉีดวัคซีนชนิดนี้เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคบาดทะยัก โรคคอตีบ และโรคไอกรน ได้เพียงพอ โดยโรคบาดทะยักและโรคคอตีบเป็นโรคที่พบได้บ่อยและเป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุอย่างมาก เพราะหากผู้สูงอายุเป็นแผลก็อาจเป็นโรคบาดทะยักได้ง่าย ส่งผลให้กล้ามเนื้อแข็งเกร็งและหายใจลำบาก จนอาจถึงแก่ชีวิต และหากติดเชื้อคอตีบก็อาจทำให้หายใจลำบากและเสี่ยงเสียชีวิตได้เช่นกัน ในขณะที่โรคไอกรนจะทำให้ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีอาการไอเรื้อรัง
ปัจจุบันวัคซีนโรคบาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน เป็นวัคซีนพื้นฐานที่ใช้ฉีดให้กับเด็กไทย แต่สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่เคยฉีดวัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรนมาก่อน ควรรับวัคซีนชนิดนี้ 1 เข็ม และควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก-คอตีบ (Td) เป็นเข็มกระตุ้นทุก 10 ปี
วัคซีนงูสวัด (Zoster vaccine)
วัคซีนป้องกันโรคงูสวัดใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา (Varicella Virus) ที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด (Shingles/Herpes Zoster) ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส โรคงูสวัดจะทำให้เกิดผื่นแดงที่จะกลายเป็นตุ่มน้ำใสเรียงกันเป็นกลุ่มหรือเป็นแถวยาวตามแนวเส้นประสาท จากนั้นตุ่มน้ำใสจะกลายเป็นตุ่มเหลืองที่แตกออกแล้วตกสะเก็ด อาจทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนตามผิวหนัง และอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
โรคงูสวัดมักเกิดกับผู้ที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน ทั้งยังอาจติดเชื้อได้จากการหายใจรับเชื้อและสัมผัสกับตุ่มน้ำโดยตรง สำหรับผู้ที่เคยเป็นอีสุกอีใส เมื่อหายจากโรคแล้วไวรัสชนิดนี้จะยังแฝงตัวอยู่ในร่างกาย หากภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เชื้อไวรัสจะเพิ่มจำนวนและปล่อยเชื้อออกมาที่ผิวหนังตามแนวเส้นประสาท โดยทั่วไปการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ สามารถป้องกันโรคงูสวัดและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัคซีนงูสวัดมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคงูสวัดได้ตลอดชีวิต ผู้สูงอายุควรรับการฉีดวัคซีนงูสวัด 1 เข็ม เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ผลข้างเคียงจากการ ฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการ ฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ อาจมีดังนี้
- มีอาการปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีดวัคซีน
- มีไข้
- ปวดกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย คลื่นไส้
ทั้งนี้ ผลข้างเคียงมักไม่รุนแรงและไม่ได้เกิดกับทุกคน
การเตรียมตัวก่อนไป ฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ
การเตรียมตัวก่อนไปฉีดวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ อาจทำได้ดังนี้
- ก่อนรับการฉีดวัคซีนทุกครั้ง ควรแจ้งคุณหมอหรือผู้ให้บริการทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่แพ้ และภาวะสุขภาพของตัวเอง
- เตรียมบัตรประชาชน หรือใบนัดหมาย (ถ้ามี) เพื่อยืนยันตัวตนในวันที่ฉีดวัคซีน
- สวมเสื้อแขนสั้นที่สามารถถกแขนเสื้อขึ้นได้ง่าย จะได้ฉีดวัคซีนได้สะดวก และให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์ฉีดวัคซีนที่บริเวณแขนที่ไม่ถนัด
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-10 ชั่วโมงก่อนไปฉีดวัคซีน
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อย 500-1,000 มิลลิลิตรในวันที่ไปฉีดวัคซีน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีน ผัก ผลไม้ ธัญพืช และดูแลสุขอนามัยของตัวเองให้ดี เช่น ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่เป็นประจำ หากไม่สะดวกสามารถทำความสะอาดมือได้ด้วยเจลแอลกอฮอล์
- หากเจ็บป่วยหรือไม่สบาย ควรรอให้หายดีก่อนอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ แล้วค่อยไปฉีดวัคซีนในภายหลัง
หลังได้รับการฉีดวัคซีน ภูมิคุ้มกันจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ในระหว่างนั้นผู้สูงอายุควรดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น สวมหน้ากากอนามัย ไม่เดินทางไปในที่แออัด ทำความสะอาดสิ่งของรอบตัวและบริเวณบ้านเป็นประจำ ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนเตรียมอาหาร รับประทานอาหาร และหลังใช้ห้องน้ำ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ดวงตา ปาก จมูก เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคต่าง ๆ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย