ภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉินของโรคเบาหวาน เป็นภาวะที่พบได้ในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี หรืออาจมีภาวะสุขภาพอื่น ๆ มากระตุ้น ซึ่งควรได้รับการรักษาที่เหมาะสมอย่างเร่งด่วน ภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉินจากน้ำตาลสูงที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ได้แก่ ภาวะเลือดเป็นกรด เเละ ภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ส่วนในคุณเเม่ตั้งครรภ์ที่มีเบาหวานร่วมด้วย หากควบคุมไม่ดี ยังอาจเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทั้งคุณเเม่ เเละ ทารกในครรภ์
โรคเบาหวาน คืออะไร
เบาหวาน เป็นภาวะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติอย่างเรื้องรัง สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากตับอ่อนที่ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอ หรือ เซลล์ในร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ตอบสนองต่ออินซูลินบกพร่องไป ทั้งนี้ ฮอร์โมนอินซูลินมีหน้าที่ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยกระตุ้นให้เซลล์ต่าง ๆ นำน้ำตาลไปเผาผลาญเปลี่ยนเป็นพลังงานและ เก็บน้ำตาลส่วนเกินไว้ในรูปแบบพลังงานสำรองที่ตับ ดังนั้น กระบวนการจัดการน้ำตาลของร่างกายบกพร่องไป จึงทำให้เกิดการสะสมของน้ำตาลในกระเเสเลือด เเละหากมีระดับน้ำตาลหลังอาหาร สูงตั้งเเต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป จะเข้าเกณฑ์วินิจฉัยโรคเบาหวาน
ภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉินของโรคเบาหวาน ที่อันตราย มีอะไรบ้าง
ภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉินของโรคเบาหวานมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีอาการรุนแรง หากมีอาการที่อาจเป็นสัญญาณควรรีบไปพบคุณหมอทันที เพราะหากปล่อยไว้ อาการจะยิ่งแย่ลง จนอาจถึงเเก่ชีวิตได้ โดยภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉินของโรคเบาหวาน มีดังนี้
1. ภาวะเลือดเป็นกรด
ภาวะเลือดเป็นกรด (Diabetic Ketoacidosis หรือ DKA) เป็นภาวะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ร่วมกับร่างกายไม่สามารถผลิดอินซูลินออกมาได้เพียงพอ จึงทำให้เซลล์ต่าง ๆ ไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ จึงต้องเปลี่ยนไปเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานเเทน ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้เกิดสาร คีโตนซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด เเละเมื่อมีคีโตนสะสมอยู่ในเลือดมากเกินไปจึงส่งผลให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด
ภาวะเลือดเป็นกรดอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยกระตุ้นหลายสาเหตุ เช่น มีไข้ มีการติดเชื้ออุบัติเหตุ หรือ เข้ารับการผ่าตัด ขาดยา หรือ รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ หรือ ได้รับยาบางประเภท เช่นคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
อาการที่เป็นสัญญาณของภาวะเลือดเป็นกรด เช่น
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อ
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง (มากกว่า 250 มิลลิกรัม/เดซิลิตร)
- หายใจหอบลึก
- ลมหายใจมีกลิ่นเปรี้ยว ซึ่งเป็นกลิ่นของคีโตน
หากมีอาการแสดงดังกล่าว ควรรีบไปโรงพยาบาล เพื่อรับการตรวจรักษาที่เหมาะสมในทันที เนื่องจากภาวะนี้หากปล่อยทิ้งไว้ อาจรุนเเรงจนถึงแก่ชีวิตได้
2. ภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
ภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperosmolar Hyperglycemic Syndrome หรือ HHS) เป็นภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉินรุนเเรงของโรคเบาหวาน โดยเกิดในผู้ป่วยเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากเเละมักมีปัจจัยกระตุ้นอื่นเสริมเช่น การติดเชื้อ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไตจะขับน้ำตาลส่วนเกินออกทางปัสสาวะ จึงเท่ากับเป็นการสูญเสียน้ำจากร่างกาย เเละหากร่างกายได้รับน้ำทดเเทนไม่เพียงพอ (จึงมักพบในผู้สูงอายุ หรือ ผู้ป่วยติดเตียง) จะทำให้ไตขับน้ำตาลทิ้งทางปัสสาวะได้ลดลง ระดับน้ำตาลก็จะยิ่งสูงขึ้น ก็จะทำให้ความเข้มข้นของเลือดยิ่งสูงมากขึ้น จนทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำและส่งผลต่อการทำงานของสมองซึ่งอาจรุนเเรงจนเกิดภาวะโคม่าได้ อาจมีอาการแสดง ดังนี้
ปวดศีรษะ ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากร่างกายพยายามขับน้ำตาลบางส่วนเกินออกทางปัสสาวะ เเต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจปัสสาวะลดลง และ มีสีปัสสาวะเข้มขึ้น เนื่องจากร่างกายขาดน้ำ กระหายน้ำมากขึ้น ปากเเห้ง คอเเห้ง อ่อนเพลีย ไม่มีแรง มีไข้สูง (หากมีการติดเชื้อร่วมด้วย) ตาพร่ามัว สับสน มึนงง ซึมลง ไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้ ภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ยังอาจมีภาวะเเทรกซ้อนรุนเเรง เช่น ชัก โคม่า ภาวะเกร็ดเลือดต่ำและเลือดออกง่าย ไตวายเฉียบพลัน ระบบหายใจเเละความดันโลหิตล้มเหลวภาวะลำไส้ขาดเลือด เเละอาจเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้เกิดขึ้นไม่บ่อย คิดเป็นอัตราน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด โดยผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุที่อาจช่วยเหลือตนเองไม่ได้เต็มที่ ผู้ที่มีโรคร่วมอื่น ๆ มาก เเละ ผู้ป่วยติดเตียง ดังนั้น หากมีคนใกล้ชิดที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยง แนะนำให้หมั่นดูเเลสุขภาพ รวมไปถึงควบคุมโรคเบาหวานให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
3. ภาวะครรภ์เป็นพิษ
เมื่อคุณเเม่ที่เป็นเบาหวานอยู่เดิม หรือเดิมไม่เคยเบาหวาน เเต่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) ทั้งสองกรณีนี้อาจทำให้คุณเเม่เสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์เเละนำไปสู่ภาวะครรภ์เป็นพิษได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณเเม่และทารกในครรภ์
อาการของภาวะครรภ์เป็นพิษ ได้แก่ สายตาพร่ามัว ปวดศีรษะ ปวดจุกเเน่นท้อง เหนือยหายใจลำบาก ขาบวม บางรายอาจมีอาการรุนเเรงทำให้คุณเเม่มีอาการชัก เเละเกิดการเเท้งบุตรได้
เนื่องจากภาวะนี้เป็นภาวะรุนเเรง ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ คุณหมอให้คุณเเม่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เเละ ให้ยาลดความดันทางน้ำเกลือ รวมถึงอาจจำเป็นต้องให้คลอดทารกก่อนกำหนด โดยหลังคลอด ภาวะนี้มักทุเลาลงได้เอง แต่ในคุณเเม่บางรายอาจยังมีความดันโลหิตสูงอยู่ ซึ่งจำเป็นจะต้องรับประทานยาลดความดันต่อเนื่องไปตลอด