backup og meta

อาการ ผิด ปกติ หลัง คลอด แบบไหนที่ควรไปพบคุณหมอ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 10/07/2023

    อาการ ผิด ปกติ หลัง คลอด แบบไหนที่ควรไปพบคุณหมอ

    อาการ ผิด ปกติ หลัง คลอด อาจมีตั้งแต่ภาวะตกเลือดหลังคลอด ภาวะมดลูกอักเสบ ภาวะเต้านมอักเสบช่วงให้นม ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปอาการผิดปกติไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยหรือพบในคุณแม่หลังคลอดทุกคน จึงไม่ควรเป็นกังวลเกินไปนัก เน้นและทำใจให้สบายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันคลอดที่ใกล้มาถึง และควรวางแผนการดูแลสุขภาพหลังคลอดไว้ตั้งแต่ก่อนคลอด ซึ่งอาจช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายใจและผ่านช่วงเวลาหลังคลอดไปได้ด้วยดี

    อาการ ผิด ปกติ หลัง คลอด

    อาการผิดปกติที่คุณแม่หลังคลอดอาจพบได้ในบางครั้ง อาจมีดังนี้

    ภาวะตกเลือดหลังคลอด (Postpartum haemorrhage)

    หลังคลอดคุณแม่อาจสังเกตว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดหรือที่เรียกว่าน้ำคาวปลา (Lochia) ซึ่งจะไหลออกมาจากภายในโพรงมดลูกส่วนที่เคยมีครรภ์ยึดเกาะอยู่เป็นปริมาณมากที่สุดในช่วงหลังคลอด และจะค่อยๆ น้อยลงเรื่อย ๆ โดยสีของเลือดจะเปลี่ยนจากสีแดงสดเป็นสีน้ำตาลจนเป็นสีเหลืองภายใน 2-3 สัปดาห์ และจะมีปริมาณน้อยลงและกลายเป็นสีใสจนแห้งไปในที่สุดภายใน 4-6 สัปดาห์

    ทั้งนี้ หากเวลาผ่านไปสักระยะแล้วพบว่าเลือดออกเยอะขึ้นแทนที่จะลดน้อยลง หรือมีก้อนเลือดหรือลิ่มเลือดขนาดใหญ่ออกมาจากช่องคลอด ร่วมกับมีอาการอื่นๆ เช่น

    • วิงเวียนศีรษะ
    • สายตาพร่ามัว
    • รู้สึกจะเป็นลม
    • ปวดท้องรุนแรง

    หากมีอาการดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณของภาวะตกเลือดหลังคลอดที่ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว

    ภาวะมดลูกอักเสบหลังคลอด (Postpartum Endometritis)

    เป็นภาวะผิดปกติหลังคลอดบุตรซึ่งส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณเยื่อบุโพรงมดลูกหรือระบบสืบพันธุ์ส่วนบน เช่น สเตรปโตคอคคัสกรุ๊ปบี (group B streptococci) สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus) ซึ่งอาจเป็นแบคทีเรียที่อยู่ในมดลูกอยู่แล้วหรือเพิ่งเข้าสู่ร่างกายขณะคลอดบุตรก็ได้ โดยปกติแล้ว แบคทีเรียจะขึ้นมาจากอวัยวะสืบพันธุ์ส่วนล่างหรือทางเดินอาหารและจะเข้าไปในโพรงเยื่อบุโพรงมดลูกระหว่างการคลอดจนทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยทั่วไปจะวินิจฉัยพบตั้งแต่ 10 วันหลังคลอด แต่ก็อาจพบได้ภายในช่วง 6 สัปดาห์หลังคลอด

    ผู้ที่เป็นมดลูกอักเสบอาจมีอาการดังต่อไปนี้

    • หนาวสั่น
    • ปวดหน่วงท้อง
    • ท้องบวม
    • ปวดศีรษะ
    • เจ็บบริเวณอวัยวะเพศขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
    • ตกขาวผิดปกติและมีกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดปน

    นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียยังอาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อหลังคลอดบริเวณอื่นได้เช่นกัน เช่น การติดเชื้อของแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง การติดเชื้อบริเวณแผลฝีเย็บ ฝีที่รังไข่

    ภาวะเต้านมอักเสบ (Mastitis)

    ภาวะอักเสบบริเวณเต้านมมักพบในคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร อาจเกิดได้จากท่อน้ำนมอุดตันหรือการติดเชื้อแบคทีเรีย คุณหมอจะแนะนำให้คุณแม่ให้นมจากเต้าไปเรื่อย ๆ หลายครั้งต่อวัน เพื่อระบายน้ำนมออกและลดการอุดตัน และควรอาบน้ำอุ่นและนวดเต้าด้วยตัวเองเพื่อบรรเทาอาการคัดตึงเต้านม โดยอาการที่พบอาจมีดังนี้

    • เต้านมบวม แดง สัมผัสแล้วเจ็บ
    • มีก้อนที่เต้านม เต้านมแข็ง
    • รู้สึกเจ็บหรือแสบร้อนเต้านมเป็นช่วง ๆ หรือเจ็บเต้าระหว่างให้นม
    • มีไข้ 38.3 องศาเซลเซียสขึ้นไป
    •  หนาวสั่น

     ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum depression)

    คุณแม่หลังคลอดบางท่านอาจประสบกับภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอดหรือเบบี้บลูส์ (Postpartum blues หรือ Baby blues) ที่มักเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอดและมักหายเองได้ อาการอาจมีตั้งแต่อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ ร้องไห้ วิตกกังวล แต่หากมีอาการนานเกิน 2 สัปดาห์อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่รุนแรงขึ้นอย่างโรคซึมเศร้าหลังคลอด ซึ่งคุณแม่จะมีอาการที่นานกว่าและรุนแรงกว่าอาการเบบี้บลูส์ อาการที่พบอาจมีดังนี้

    • อารมณ์แปรปรวนรุนแรงหรือซึมเศร้าอย่างหนัก
    • ร้องไห้อย่างหนัก
    • ไม่มีความรู้สึกผูกพันกับเด็กที่เพิ่งเกิดมา
    •  เอาตัวออกห่างจากครอบครัวและเพื่อน
    • ไม่อยากอาหาร หรือรับประทานอาหารมากกว่าปกติ
    • นอนไม่หลับ ใช้เวลานานกว่าปกติกว่าจะหลับ
    • ไม่มีแรง เหนื่อยล้า
    • กังวลว่าตัวเองไม่สามารถเป็นแม่ที่ดีได้
    • รู้สึกสิ้นหวัง ไม่มีค่า อับอาย
    • หงุดหงิด โกรธ อารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
    • หมดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ
    • ตัดสินใจได้ไม่เด็ดขาด ไม่มีสมาธิ จดจ่อไม่ได้
    • คิดทำร้ายตัวเองหรือเด็ก
    • วิตกกังวลหรือมีอาการแพนิคอย่างรุนแรง
    • คิดหมกมุ่นเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายหรือความตาย

    คุณแม่ที่มีปัญหาดังที่กล่าวมา ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาให้หายโดยเร็ว เพราะภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอาจนำไปสู่ภาวะโรคจิตหลังคลอด (Postpartum psychosis) ซึ่งทำให้คุณแม่มีความผิดปกติด้านความคิดและพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และเด็กได้

    อาการผิดปกติหลังคลอด ป้องกันได้หรือไม่

    ในช่วงก่อนคลอดสิ่งที่คุณแม่สามารถทำได้เบื้องต้นเพื่อลดความเสี่ยงของอาการผิดปกติคือการดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยวิธีต่อไปนี้

    • รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน
    • พักผ่อนให้เพียงพอ
    • งดสูบบุหรี่และสูดดมควันบุหรี่มือสอง
    • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    อาการ ผิด ปกติ หลัง คลอด แบบไหนที่ควรหาหมอ

    หากพบว่ามีอาการผิดปกติหลังคลอดในลักษณะต่อไปนี้ ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างตรงจุด

    • มีเลือดออกทางช่องคลอดที่มาเยอะจนชุ่มผ้าอนามัยภายใน 1 ชั่วโมง หรือมีลิ่มเลือดที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกกอล์ฟ
    • น้ำคาวปลาไม่ลดปริมาณลงและมีปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไ
    • แผลผ่าคลอดไม่หายหรือสมานตัวแม้จะผ่านไปสักระยะแล้วก็ตาม
    • อาการบวมหรือแดงที่สัมผัสแล้วเจ็บที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง
    • น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
    • มีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียส
    • เจ็บหน้าอก หายใจติดขัดหรือหายใจถี่ ชัก
    • อาเจียน
    • ปวดศีรษะ สายตาพร่ามัว ที่รับประทานยาแล้วไม่ดีขึ้น
    • อาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลหลังคลอดไม่หายไปหลังผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ และกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการเลี้ยงดูเด็ก
    • รู้สึกอยากทำร้ายตัวเองหรือเด็ก

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 10/07/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา