4. พักผ่อนให้เพียงพอ
การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อาจส่งผลให้คุณแม่ตั้งครรภ์เหนื่อยง่ายกว่าปกติ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในช่วงนี้อายุครรภ์ยังน้อย มดลูกจะยังขนาดไม่โตมาก ดังนั้นคุณแม่สามารถนอนหงายหรือตะแคงก็ได้ เพื่อความสบายและการพักผ่อนที่เพียงพอ
5. การออกกำลังกาย
กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา (HHS) แนะนำว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิคในระดับความเข้มข้นปานกลาง เช่น การเดิน โยคะ พิลาทิส ว่ายน้ำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาทีเพื่อป้องกันน้ำหนักเกิน ปรับความสมดุลของร่างกายและอารมณ์ เพิ่มพลังงาน ส่งเสริมการนอนหลับ ลดอาการปวดหลัง และช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดีหลังคลอด และควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง เช่น การวิ่ง การกระโดดเชือก เทนนิส แบดมินตัน เพื่อป้องกันการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุที่สามารถส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
6. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
เนื่องจากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านร่างกายและระบบประสาทของทารกในครรภ์ และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เกิน 1-2 แก้วต่อวัน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแท้งบุตร หรือหากเป็นไปได้ ควรหยุดดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้จะดีต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์มากกว่า
7. การสูบบุหรี่
บุหรี่มีนิโคตินและคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่อาจส่งผลให้ทารกในครรภ์พิการแต่กำเนิด น้ำหนักแรกเกิดต่ำ มีปัญหาด้านพฤติกรรมและการเรียนรู้ เสี่ยงเป็นโรคหอบหืดในเด็ก ทั้งยังอาจนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนด หรือเสียชีวิตเฉียบพลันได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย