ปัสสาวะไม่ออกหลังคลอด อาจเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูก นอกจากนี้ ยังมีอารการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะรั่ว ปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะติด ๆ ขัด ๆ ปัสสาวะแล้วแสบ ซึ่งอาการดังกล่าวมีที่มาจากหลายสาเหตุมาก ดังนั้น การดูแลตัวเองหลังคลอด จึงเป็นสิ่งที่คุณแม่หลังคลอดควรศึกษาเพิ่มเติมเพื่อจะได้ดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี
[embed-health-tool-ovulation]
ปัสสาวะไม่ออกหลังคลอด เกิดจากอะไร
อาการปัสสาวะไม่ออก (Urinary Retention หรือ UR) อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ระหว่างการคลอด ศีรษะของทารกได้ไปกดกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะไว้ ส่งผลทำให้ท่อปัสสาวะบวมหรือบอบช้ำ จนทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงส่งผลให้คุณแม่เกิดอาการปัสสาวะลำบากหรือปัสสาวะไม่ออก
- อาจเกิดจากความเจ็บปวดบริเวณแผลฝีเย็บตอนที่คลอดลูกออกทางช่องคลอด จึงส่งผลให้คุณแม่ปัสสาวะได้ไม่คล่อง
- ปัสสาวะแล้วมีอาการแสบขัด อาจเกิดจาปกกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) หรือท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis) ซึ่งควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษา
- สำหรับการคลอดของคุณแม่บางราย คุณหมออาจช่วยคลอดโดยใช้คีม (Foreceps Extraction) หรือการช่วยคลอดด้วยเครื่องดูดสุญญากาศ (Vacuum Extraction) เพื่อดึงศีรษะเด็กออกมา จึงอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะบอบช้ำ ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะบวมแดง และทำให้คุณแม่พบกับภาวะปัสสาวะไม่ออกได้
วิธีรับมือกับอาการ ปัสสาวะไม่ออกหลังคลอด
หากคุณแม่หลังคลอดมีอาการปัสสาวะไม่ออกที่ไม่ได้มีผลมาจากอาการติดเชื้อหรืออักเสบควรไปพบคุณหมอ แต่สำหรับวิธีรับมือกับอาการปัสสาวะไม่ออกหลังคลอด อาจลองปฏิบัติตัวตามคำแนะนำดังนี้
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ โดยควรเป็นน้ำเปล่าที่มีอุณหภูมิปกติ หรือน้ำอุ่น
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ หากปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะมากเกินไปอาจทำให้แบคทีเรียสะสมมากขึ้น เกิดความเสี่ยงติดเชื้อและเกิดอาการอักเสบ ดังนั้น เมื่อปวดปัสสาวะควรรีบเข้าห้องน้ำ
- รักษาความสะอาดของช่องคลอด และไม่ควรทาแป้งบริเวณช่องคลอดโดยตรง เพราะเสี่ยงต่อการหมักหมมที่อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อต่าง ๆ
- หลังคลอดควรเคลื่อนไหวร่างกาย คุณแม่ไม่ควรนอนเฉย ๆ แต่ควรออกกำลังกายบ้าง เช่น เดิน ทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้โลหิตไหลเวียนได้ดี
- งดการมีเพศสัมพันธ์ช่วงหลังคลอด ประมาณ 6 สัปดาห์ เพื่อให้แผลฝีเย็บช่องคลอดหายดีก่อน
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกิน 5 กิโลกรัม เพราะอาจกดทับกระเพาะปัสสาวะ หรือทำให้แผลผ่าคลอดหรือแผลเย็บคลอดปริได้
ทั้งนี้ ควรหมั่นสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย หากมีไข้ ปวดหลัง หรือหนาวสั่นสะท้าน อาจหมายถึงร่างกายเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ ควรรีบไปพบหมอ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)