ลูกหายใจครืดคราด อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อในทางเดินหายใจ ความผิดปกติของกล่องเสียง การอุดตันในทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ทางเดินหายใจตีบแคบลงจนเกิดเป็นเสียงครืดคราดเมื่อหายใจ ดังนั้น การรู้ถึงสาเหตุหลักของอาการจึงเป็นวิธีที่จะสามารถช่วยรักษาอาการลูกหายใจครืดคราดได้
[embed-health-tool-vaccination-tool]
ลูกหายใจครืดคราด เกิดจากอะไร
ลูกหายใจครืดคราด เป็นอาการทั่วไปที่มักเกิดขึ้นในเด็กที่มีความเจ็บป่วยเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจที่ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบลง ส่งผลให้ลูกหายใจลำบาก หายใจมีเสียงครืดคราด ไอ จาม หรืออาจรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจ โดยสาเหตุที่ทำให้ลูกหายใจครืดคราดที่พบได้บ่อย อาจมีดังนี้
- การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนจากไวรัสหรือแบคทีเรีย เช่น โรคหวัด หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) ไอกรน โรคปอดบวม โรคภูมิแพ้
- กล่องเสียงอักเสบ ที่เกิดจากเนื้อเยื่อในกล่องเสียงกีดขวางทางเดินหายใจบางส่วน
- ทางเดินหายใจผิดรูป ซึ่งอาจเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิดหรืออาจเกิดขึ้นหลังจากการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บที่ทางเดินหายใจ
- การอุดตันที่ผิดปกติในทางเดินหายใจ เนื่องจากมีแผลเป็นในทางเดินหายใจที่อาจบวมหรือโต
- อาการกล้ามเนื้อในทางเดินหายใจตีบแคบ หดตัว ที่เกิดจากโรคหอบหืดหรือสิ่งระคายเคืองในแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน ควันบุหรี่
- กล่องเสียงเป็นอัมพาตตั้งแต่แรกเกิดหรือพัฒนาในภายหลัง
- การสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในทางเดินหายใจ ทำให้ลูกมีอาการไออย่างกะทันหัน
- โรคประจำตัวที่พบไม่บ่อย เช่น โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis หรือ CF) ซึ่งส่งผลต่อปอดหรือทางเดินหายใจ
- ภาวะทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น โรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด (Bronchopulmonary Dysplasia หรือ BPD) ซึ่งพบได้บ่อยในทารกที่คลอดก่อนกำหนด
เมื่อไหร่ควรเข้าพบคุณหมอ
หากอาการหายใจครืดคราดมีความรุนแรงมากขึ้น อาจทำให้ลูกหยุดหายใจขณะนอนหลับได้ นอกจากนี้ หากลูกมีอาการต่อไปนี้ควรพาเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา
- ไอและหายใจครืดคราดรุนแรงขึ้น
- หายใจลำบาก
- หายใจเร็วและไม่สม่ำเสมอ
- หายใจมีเสียงดังมาก โดยเฉพาะเมื่อร้องไห้
- ผิวสีซีดหรือตัวม่วง
- อ่อนแรง เหนื่อยล้า และมีไข้
- ไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ
- ไอหรือสำลักอย่างกะทันหัน
คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตภายในจมูกของลูกด้วยว่ามีสิ่งแปลกปลอมอุดตันอยู่หรือไม่ เพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหายใจครืดคราด หายใจลำบาก เลือดกำเดาไหล หรือเจ็บปวดรอบจมูก ดังนั้น หากพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมอุดตันอยู่ภายในจมูกของลูก ควรเข้าพบคุณหมอทันที เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทางเดินหายใจ
การรักษาอาการลูกหายใจครืดคราด
การรักษาลูกหายใจครืดคราดอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการ ดังนี้
- หากสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเล็กน้อย คุณหมออาจแนะนำวิธีการรักษาที่บ้าน ด้วยการให้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานยาพาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาแก้แพ้ลดน้ำมูก หรือยาลดอาการบวมของเยื่อบุจมูก นอกจากนี้ คุณหมออาจพิจารณาจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยกำจัดการติดเชื้อหากเกิดจากแบคทีเรีย
- หากอาการรุนแรงมากและลูกมีปัญหาในการหายใจ อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ในบางกรณีคุณหมออาจจำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะผ่านหลอดเลือดดำ ให้ออกซิเจนผ่านทางจมูกหรือใส่เครื่องช่วยหายใจเพื่อให้ลูกได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ อาจให้ยาสูดพ่นเพื่อรักษาอาการหายใจครืดคราดร่วมด้วย
- หากอาการหายใจครืดคราดยังคงอยู่และไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ยาสูดพ่นระยะหนึ่งร่วมกับกำจัดเสมหะด้วยการดูด เพื่อดูว่าอาการจะดีขึ้นหรือไม่ หากอาการดีขึ้นร่วมกับมีประวัติและอาการที่เข้าได้กับโรคหอบหืดจะเริ่มกระบวนการรักษาตามขั้นตอนของโรค นอกจากนี้ คุณหมออาจแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับตัวกระตุ้นที่ก่อให้เกิดอาการ เช่น ขนสัตว์ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้