ลูกเป็นไข้ คือ ภาวะที่อุณหภูมิในร่างกายสูงกว่าระดับปกติ โดยมีอุณหภูมิประมาณ 38 องซาเซลเซียส และอาจสูงกว่านั้น บางครั้งการที่ลูกเป็นไข้ก็อาจมีสาเหตุมาจากร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย
ไข้ คืออะไร
ไข้ (Fever) คือ ภาวะที่เทอร์โมสตัท (Thermostat) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายรับรู้ถึงอุณหภูมิในร่างกายสูงกว่าระดับปกติ คือ อุณหภูมิประมาณ 38 องซาเซลเซียส หรือถ้าวัดเกิน 37.7 องศาเซลเซียส และอาจจะสูงกว่านั้น
เทอร์โมสตัทพบได้บริเวณสมองส่วนที่เรียกว่า ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ซึ่งเป็นส่วนที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ หรือระดับน้ำตาลและเกลือในเลือด ไฮโปทาลามัสอาจรับรู้ได้ว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมของร่างกายควรอยู่ที่เท่าไหร่ โดยไฮโปธาลามัสส่วนหน้าจะคอยควบคุมไม่ให้อุณหภูมิสูงเกินไป และส่วนไฮโปธาลามัสส่วนหลังควบคุมไม่ให้อุณหภูมิต่ำเกินไป ซึ่งอุณหภูมิร่างกายปกติอาจอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส จากนั้นจึงสั่งการไปยังร่างกาย เพื่อปรับอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่สมองรับรู้
ส่วนใหญ่ อุณหภูมิในร่างกายของคนอาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในแต่ละวัน ในตอนเช้าอุณหภูมิอาจลดลงเล็กน้อย และอุณหภูมิอาจสูงขึ้นในตอนเย็น และอาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อลูกวิ่งเล่น ออกกำลังกาย หรืออยู่กลางแดดเวลานาน แต่ในบางครั้ง ไฮโปทาลามัส อาจปรับให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคที่อาจทำให้ติดเชื้อ นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นไข้
สาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นไข้
ลูกเป็นไข้ อาจสร้างความกังวลให้กับคุณพ่อคุณแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ดังนั้น การทราบถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นไข้ อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่รับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติ ซึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยเมื่อลูกเป็นไข้ คือ การติดเชื้อ
โดยทั่วไป เมื่อลูกเป็นไข้นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่า ร่างกายของลูกอาจกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อ ซึ่งการติดเชื้อในวัยเด็กส่วนใหญ่อาจมีสาเหตุจากไวรัส ทั้งยังอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อที่อาจทำให้ลูกเป็นไข้ ได้แก่
- ส่าไข้
- โรคต่าง ๆ เช่น หัด คางทูม และอีสุกอีใส
- โรคปอดบวม
- โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- โรคหวัด โรคไข้หวัดใหญ่ และการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนอื่น ๆ เช่น โรคโควิด 19
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในทารกและเด็ก
- การติดเชื้อที่หูและคอ เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ต่อมทอมซิลอักเสบ
- บางครั้งห่อตัวและใส่เสื้อผ้าหนาเกินไปในทารก
นอกจากนี้ ปฏิกิริยาการแพ้ยา การฉีดวัคซีน อาการข้ออักเสบเรื้อรัง เนื้องอกบางชนิด โรคทางเดินอาหาร ฟันขึ้น เหงือกอักเสบ
สิ่งที่ควรทำเมื่อลูกเป็นไข้
เมื่อลูกเป็นไข้ คุณพ่อคุณแม่อาจดูแลลูกด้วยตัวเองได้ที่บ้าน เน้นทำให้อุณหภูมิของร่างกายของลูกลดลง โดยสิ่งที่ควรทำเมื่อลูกเป็นไข้ อาจมีดังนี้
- รีบเช็ดตัวลดไข้ (เช็ดตัวด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง)
- สังเกตอาการขาดน้ำ และให้ดื่มน้ำมาก ๆ
- ให้ลูกรับประทานอาหารในปริมาณที่ลูกต้องการ
- ให้รับประทานพาราเซตามอล แต่ไม่ควรติดต่อกันเกิน 5 วัน
- หมั่นสังเกตอาการของลูกอย่างสม่ำเสมอในช่วงกลางคืน
- ให้ลูกอยู่กับบ้าน งดไปโรงเรียน
- สังเกตอาการผิดปกติระบบต่าง ๆ
- รีบพาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุของไข้
สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อลูกเป็นไข้
สำหรับสิ่งที่ไม่ควรทำ เมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลลูกเป็นไข้ด้วยตัวเองที่บ้าน อาจมีดังนี้
- อย่าให้พาราเซตามอลกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 เดือน
- อย่าให้ไอบูโพรเฟนกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 เดือน หรือน้ำหนักน้อยกว่า 5 กิโลกรัม
- อย่าให้ไอบูโพรเฟนกับเด็กที่เป็นโรคหอบหืด
- อย่าให้ไอบูโพรเฟนร่วมกับพาราเซตามอล เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ
- อย่าให้แอสไพรินกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี
- การให้ยาต่าง ๆ ควรได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ
หากคุณพ่อคุณแม่ดูแลลูกเป็นไข้ด้วยตัวเองที่บ้านแล้ว แต่อาจจะยังมีความกังวล ควรพาลูกไปพบคุณหมอ
ควรไปพบคุณหมอเมื่อไร
เมื่อลูกเป็นไข้คุณพ่อคุณแม่อาจไม่ต้องพาไปพบคุณหมอ แต่บางครั้ง ไข้ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการที่ร้ายแรง ดังนั้น อาจพาลูกไปพบคุณหมอทันที เมื่อพบอาการเหล่านี้
- มีอุณหภูมิร่างกายเกิน 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า
- มีไข้นานกว่า 72 ชั่วโมง
- หากลูกอายุต่ำกว่า 3 เดือน และมีอุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่า อาจพาลูกไปพบคุณหมอ
- หากลูกอายุต่ำกว่า 2 ปี และมีไข้มากกว่า 24 ชั่วโมง ก็อาจต้องพาลูกไปพบคุณหมอ
- ลูกมีอาการซึม นิ่ง ไม่ร่าเริง หรือบางครั้งอาจหงุดหงิดง่าย ในเด็กเล็กอาจไม่ปัสสาวะ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมน้อยกว่า 4 ชิ้น/วัน และเด็กโตอาจไม่ปัสสาวะทุก ๆ 8-12 ชั่วโมง
- ลูกเป็นไข้ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เจ็บคอมาก เจ็บหู ปวดศีรษะรุนแรง คอเคล็ด มีผื่น ตาแดง ถ่ายเหลว อาเจียน กระหม่อมโป่งตึง
[embed-health-tool-vaccination-tool]