ทารกในวัยนี้สามารถที่จะเข้าใจคำสั่งง่าย ๆ ได้แล้ว แม้ว่าจะยังท่าทีเฉยเมยกับคำว่า “ไม่” อยู่ ซึ่งการที่จะทำให้คำ ๆ นี้มีน้ำหนักขึ้นนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น รวมทั้งสามารถพูดคุยและสอนให้ลูกน้อยเข้าใจการกระทำต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลโดยมีท่าทางประกอบ เช่น ถ้าลูกน้อยดึงหางแมว ก็ดึงมือเขาออก มองตาเขาและพูดว่า “อย่านะ…นั่นจะทำให้ แมวเจ็บ” จากนั้นก็จับมือลูกไปลูบหัวแมวเบา ๆ แทน
สุขภาพและความปลอดภัย
ควรปรึกษาแพทย์อย่างไร
คุณหมอมักไม่นัดตรวจสุขภาพถี่เกินไปสำหรับเด็กในวัยนี้ ดังนั้น ถ้ามีข้อกังวลใด ๆ ที่ไม่สามารถรอให้ถึงวันนัดครั้งต่อไปได้ สามารถเข้าไปขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอได้ทันที
สิ่งที่ควรรู้
การกลั้นหายใจ
เด็กในวัยนี้อาจมีการกลั้นลมหายใจ หากลูกน้อยกลั้นหายใจจนกระทั่งเป็นลม ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เด็กที่หมดสติจากการกลั้นหายใจนั้นไม่จำเป็นต้องรับการรักษา และถึงแม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาที่ได้ผล
วิธีต่อไปนี้เป็นวิธีป้องกันอาการลูกร้องอาละวาด ที่อาจส่งผลให้เกิดการกลั้นหายใจได้
- ดูแลให้ลูกน้อยได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เด็กที่เหนื่อยมากเกินไป จะงอแงได้ง่ายกว่าเด็กที่พักผ่อนอย่างเต็มที่
- เลือกวิธีการห้ามหลาย ๆ รูปแบบ เพราะการใช้คำว่า “ไม่” มากเกินไป อาจทำให้เด็กรู้สึกไม่พอใจและต่อต้าน
- พยายามทำให้ลูกน้อยมีอาการสงบก่อนที่จะมีการอาละวาดเกิดขึ้น โดยใช้เสียงเพลง ของเล่น หรือสิ่งจูงใจอื่น (แต่ไม่ใช่อาหาร ซึ่งจะสร้างนิสัยไม่ดีอีกอย่างหนึ่งขึ้นมา) ในการหันเหความสนใจ
- หาวิธีคลายเครียดให้ลูกน้อย เช่น เปิดเพลง อ่านนิทาน พาออกไปเดินเล่น
- อย่าตามใจมากจนเกินไป ถ้าเขารู้ว่าเขาจะได้รับในสิ่งที่ต้องการโดยการกลั้นหายใจ หรือการอาละวาด เขาจะทำซ้ำบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเติบโตขึ้น
ถ้าการกลั้นหายใจของลูกน้อยมีอาการรุนแรง หรือกลั้นหายใจเกินหนึ่งนาที โดยไม่เกี่ยวข้องกับการร้องไห้ ไม่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด หรือความไม่พอใจ ควรปรึกษาคุณหมอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย