พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 42 หรือประมาณ 10 เดือน ในช่วงนี้ลูกน้อยอาจสามารถนั่งได้เองแล้ว และสามารถเดินได้เล็กน้อยโดยพยายามเกาะสิ่งของรอบข้าง คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างเต็มที่ แต่ควรระมัดระวังสิ่งของเล็ก ๆ ที่เด็กอาจนำเข้าปากและไปติดคอได้
[embed-health-tool-vaccination-tool]
การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 42
ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร
ลูกน้อยในช่วงวัยนี้สามารถนั่งได้อย่างมั่นใจ และสามารถเดินได้โดยการเกาะฟอร์นิเจอร์ และอาจจะยืนแบบปล่อยมือได้บ้าง ในระยะสั้น ๆ และยืนได้ นอกจากนี้ยังอาจพยายามหอบของเล่นในระหว่างที่ยืนขึ้นด้วย
หากลูกยังไม่เดินในช่วงนี้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เด็กส่วนใหญ่จะเดินก้าวแรกประมาณอายุ 12 เดือน ในขณะที่เด็กบางคนอาจจะต้องรอถึง 18 เดือน
พัฒนาการด้านต่าง ๆ ของเด็กสัปดาห์ที่ 42
- นั่งได้เองโดยการใช้หน้าท้อง
- ตบมือ หรือโบกมือ
- หยิบของชิ้นเล็ก ๆ ด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้ง ดังนั้นพ่อแม่ควรเก็บของอันตรายไว้ให้ห่างจากมือเด็ก
- เดินโดยเกาะกับฟอร์นิเจอร์
- เข้าใจคำว่า “ไม่” แต่ไม่เชื่อฟังเสมอไป
ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร
หลีกเลี่ยงการป้อนอาหารที่อาจจะทำให้เกิดการสำลัก เช่น แครอทดิบ องุ่นทั้งลูก ควรทำผักให้สุกก่อนแล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนยแข็งหรือผลไม้แห้ง ก็ควรต้องปลอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก ๆ ด้วย
สุขภาพและความปลอดภัย
ควรปรึกษาคุณหมออย่างไร
แพทย์ส่วนใหญ่จะไม่นัดตรวจสุขภาพสำหรับเด็กในวัยนี้ จึงควรโทรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีข้อกังวลใด ๆ ที่ไม่สามารถรอให้ถึงวันนัดครั้งต่อไปได้
สิ่งที่ควรรู้
แมลงกัดต่อย
ควรสังเกตอาการแมลงกัดต่อยกับเด็กในช่วงวัยนี้ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายกับเด็กในวัยนี้ได้ ถึงแม้กับผู้ใหญ่จะไม่ได้มีอันตรายอะไรก็ตาม
การกัดต่อยของแมลงนั้นเป็นอะไรที่น่ารำคาญแต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต นอกเสียจากว่าลูกมีอาการแพ้ต่อพิษของแมลง ซึ่งในกรณีนี้ก็ควรปฎิบัติต่อลูกน้อยดังนี้
- นำเหล็กในออกด้วยการใช้ใบมีดขูดออก ไม่ควรใช้แหนบดึงออก
- ล้างด้วยสบู่และน้ำสะอาด
- บรรเทาอาการเจ็บด้วยการประคบน้ำแข็ง 15 นาที หรือใช้เบคกิ้งโซดาผสมกับน้ำ ควรปรึกษากับหมอก่อนให้ลูกน้อยกินยาแก้ปวด
- โทรหาหมอถ้าเด็กมีอาการท้องเสีย มีไข้ อาเจียน หรือมีอาการบวมมากขึ้นหลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง และควรจะรีบพาไปปรึกษาแพทย์หากบริเวณรอบ ๆ รอยกัดนั้นทำท่าจะว่าจะติดเชื้อ เช่น มีอาการแดง เจ็บ หรือบวมมากขึ้น
อาการช็อคเนื่องจากแพ้รุนแรงจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีความอ่อนไหวต่อตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้เป็นพิเศษ อาการช็อคนี้อาจทำให้เกิดความดันต่ำ คัน บวม และหายใจลำบาก อาการช็อคจากการถูกแมลงต่อยมักจะพบได้น้อย ซึ่งจะเกิดขึ้นก็เมื่อเด็กมีอาการแพ้ ซึ่งจะไม่มีทางรู้จนกว่าลูกจะถูกแมลงต่อย และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องระมัดระวังเอาไว้
ถ้าลูกมีอาการแพ้ อาจจะมีอาการดังนี้
- มีปัญหาในการหายใจ หรือหายใจมีเสียงดัง
- เวียนหัว ปวดท้อง อาเจียน
- หน้าแดง
- มีผื่นขึ้น
- มีอาการบวมที่ลิ้น มือ และหน้า
- ลูกอาจจะอยู่ในอาการช็อค ถ้าดูเหมือนงง ๆ และง่วงนอน
ถ้าลูกน้อยมีอาการแพ้เกิดขึ้น ก็ควรโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉิน วางให้นอนราบลง ปลอบโยน และใช้ผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้
วิธีป้องกันแมลงกัดต่อย
ไม่สามารถที่จะกำจัดแมลงที่กัดและต่อยได้ทุกชนิด และแน่นอนว่าคงไม่อยากให้ลูกน้อยอยู่แต่ในบ้านอยู่ตลอดเวลา หากต้องออกไปเล่นข้างนอกในที่ที่มีแมลงมาก อาจใช้สเปรย์ไล่แมลงสำหรับเด็ก และให้ลูกน้อยสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงสีขาวหรือสีอ่อน ๆ ซึ่งจะดึงดูดแมลงได้น้อยลง และทำให้ง่ายต่อการมองเห็นแมลง ควรระมัดระวังเวลาไปกินอะไรนอกบ้านด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีแมลงเยอะ ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม อย่างเช่นครีมหรือสบู่
สิ่งที่ต้องเป็นกังวล
การม้วนผมและดึงผม
อาจจะมีข้อกังวลหลายอย่างใน พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 42 รวมทั้งการม้วนผมและดึงผมของลูกน้อยด้วย
การลูบผมหรือการดึงผมนั้นเป็นผลพวงมาจาก 2 สาเหตุต่อไปนี้ หนึ่งคือพยายามจะสร้างความรู้สึกผ่อนคลายที่เคยได้รับ เมื่อครั้งที่ยังเป็นทารกน้อยและได้รับการป้อนนมอยู่ เมื่อได้ลูบไล้เต้านมหรือแก้มของแม่ หรือดึงผมของตัวเอง สองต้องการความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อมีความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เหนื่อยมาก ๆ หรืออารมณ์ไม่ดี
การม้วนผม ลูบผม หรือดึงผมเป็นครั้งคราวนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เด็กบางคนก็ยังติดนิสัย การม้วนผม ดึงผมเป็นครั้งคราวไม่ส่งผลกระทบถึงความเจ็บป่วย แต่การทึ้งผมอย่างรุนแรงจนทำให้เส้นผมหลุดร่วงนั้น เป็นสิ่งที่ต้องยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้น แน่นอนว่าควรจะทำให้หยุด เคล็ดลับเหล่านี้อาจช่วยได้
- ให้ความสนใจลูกน้อยและสร้างความผ่อนคลายให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่รู้สึกเครียด
- ตัดผมให้สั้น เพื่อที่จะได้หยิบจับเส้นผมไม่ถนัด
- ใช้อย่างอื่นเพื่อดึงดูดความสนใจ และให้หันเหไปสนใจอย่างอื่นแทน
ถ้าปฎิบัติตามวิธีข้างต้นแล้วไม่ได้ผล ก็ควรขอคำปรึกษาจากคุณหมอ