การเติบโตและพัฒนาการ

ในช่วงวัยเตาะแตะ ลูกของคุณจะมีส่วนสูงและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีความอยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัยมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ การเติบโตและพัฒนาการ มาเรียนรู้วิธีสนับสนุนพวกเขาให้ดีที่สุด ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การเติบโตและพัฒนาการ

แป้งโดว์ มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร และวิธีทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง

แป้งโดว์ เป็นของเล่นที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เด็กสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการปั้นแป้งโดว์เป็นรูปร่างต่าง ๆ ตามต้องการ ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างจินตนาการและการเรียนรู้ของเด็ก เช่น ช่วยเสริมพัฒนาการด้านการใช้ภาษาและสื่อสาร เมื่อเด็กเล่นแป้งโดว์พร้อมเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว ที่สำคัญการปั้นแป้งโดว์ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กบริเวณมือและนิ้วของเด็กได้เป็นอย่างดีอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่สามารถหาซื้อแป้งโดว์สำเร็จรูป หรือทำแป้งโดว์จากส่วนผสมที่หาได้ง่าย ๆ ภายในบ้าน แป้งโดว์ทำเองนั้นปลอดสารเคมี คุณพ่อคุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แป้งโดว์ คืออะไร แป้งโดว์เป็นก้อนแป้งเนื้อนิ่ม ยืดหยุ่นได้ และมีสีสันสดใส สามารถใช้ปั้นเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้คล้ายดินน้ำมัน แต่ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อเด็ก จึงเป็นของเล่นที่ให้ทั้งความเพลิดเพลินและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างปลอดภัย เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มหยุดหยิบสิ่งของเข้าปาก วิธีการทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง วิธีการทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง อาจมีดังนี้ ส่วนผสมของแป้งโดว์ แป้งสาลีหรือแป้งข้าวโพด 2 ถ้วยตวง ครีมออฟทาร์ทาร์ (Cream of tartar) 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ถ้วยตวง สีผสมอาหาร น้ำ 2 ถ้วยตวง ถาดหรือเขียง กระทะเทฟล่อนหรือกระทะเคลือบ ขั้นตอนการทำ แป้งโดว์ ใส่แป้งสาลี เกลือ ครีมออฟทาร์ทาร์ และน้ำมันพืชลงในภาชนะที่เตรียมไว้ […]

สำรวจ การเติบโตและพัฒนาการ

การเติบโตและพัฒนาการ

วิธีฝึกวินัยให้ลูก ตั้งแต่วัยเตาะแตะ ทำได้อย่างไร

การฝึกวินัยให้ลูก เป็นสิ่งสำคัญที่ คุณพ่อคุณแม่ควรทำ เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้และฝึกฝนความเป็นระเบียบ เข้าใจและปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ และสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุข โดยควรเริ่มฝึกตั้งแต่ช่วงวัยเตาะแตะ เพราะเป็นช่วงวัยที่สามารถเรียนรู้และจดจำได้อย่างรวดเร็ว [embed-health-tool-vaccination-tool] วิธีฝึกวินัยให้ลูก หลีกเลี่ยงสถานการณ์ตึงเครียด เมื่อลูกอยู่ในวัยเริ่มหัดเดิน อาจมีหลายปัจจัยที่ทำให้ลูกรู้สึกหงุดหงิด งอแง ขึ้นมาได้ โดยเฉพาะเวลาที่ลูกหิว ง่วงนอน หรือมีอาการไม่คุ้นเคยกับสถานที่ ก่อนจะฝึกวินัยให้ลูก จึงควรตรวจสอบด้วยว่าลูกพร้อมไหม อย่าฝืนให้ลูกทำอะไรโดยที่เขาไม่ชอบ หรือไม่เต็มใจที่จะทำ อีกทั้งการฝึกวินัยให้ลูกควรเริ่มฝึกตั้งแต่ที่บ้าน โดยเฉพาะวินัยในการกินอาหาร และการนอน ทั้งการงีบหลับ และนอนกลางคืน เพราะการอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยจะช่วยให้เด็กผ่อนคลายได้มากกว่า นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถฝึกให้ลูกมีวินัยโดยให้เขายังรู้สึกสนุกสนานไปได้ด้วย เช่น เวลาจะไปข้างนอกก็ให้ลูกเลือกชุดใส่เอง ให้ลูกช่วยเลือกวัตถุดิบในการประกอบอาหาร และควรบอกให้เขารู้เป็นระยะว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป วิธีนี้จะช่วยให้ลูกน้อยรู้ตัวว่าตนเองต้องทำอะไร ปรับตัวยังไง ซึ่งจะช่วยให้เขาเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ โดยไม่อาละวาด หรืองอแง คิดให้เหมือนลูกน้อย พูดง่าย ๆ ก็คือ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” นั่นเอง เด็กในวัยหัดเดินแตกต่างกับผู้ใหญ่โดยสิ้นเชิง พวกเขาจะยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนักในหลาย ๆ เรื่อง ฉะนั้น ถ้าเราใช้ความคิดแบบลูกน้อยเสียเอง ก็จะช่วยให้เราเข้าใจในตัวเขาได้มากขึ้น ซึ่งนั่นจะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาได้ นอกจากนี้การให้ลูกน้อยเลือกที่จะทำโน่นทำนี่ได้เอง ก็เป็นการเคารพสิทธิ์ และแสดงให้ลูกรู้ว่าเราสนใจความรู้สึกของเขาด้วย ก่อนให้ลูกเข้านอนอาจมีการถามลูกด้วยว่าอยากฟังนิทานเรื่องไหน ลูกจะได้รู้สึกสนุกกับสิ่งที่ชอบก่อนนอน ไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้นอนทั้ง […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ท่าทางเด็ก แบบไหนที่เรียกว่า ท่าทางผิดรูป

ท่าทางเด็ก เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตให้ดี ผิดรูป หมายถึง การที่เด็กหรือทารกอาจมีท่าทางในการวางแขน ขา ศีรษะ หรืออวัยวะต่าง ๆ ที่ผิดปกติไปจากที่ควรจะเป็น ซึ่งอาจส่งผลต่อบุคลิกภาพเมื่อเด็กโตขึ้น รวมทั้งอาจเป็นอาการของภาวะสุขภาพ รูปร่างกระดูก การขาดสารอาหาร หรือความผิดปกติทางพัฒนาการ คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตท่าทางและหากไม่แน่ใจว่าผิดปกติหรือไม่อาจปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำหรือรับการตรวจวินิจฉัยต่อไป [embed-health-tool-vaccination-tool] สาเหตุที่ทำให้ ท่าทางเด็ก ผิดรูป สำหรับเด็กเล็กและทารกที่มีการวางท่าทางผิดรูป อาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ร่างกายขาดสารอาหารที่ไปพัฒนาอวัยวะในส่วนนั้น ๆ มีพัฒนาการที่ไม่เหมาะสมกับช่วงวัย เช่น คลาน เดิน วิ่ง เร็วหรือช้ากว่าช่วงวัย พันธุกรรมหรือเป็นโรคบางอย่าง สำหรับเด็กในวัยเรียนและวัยรุ่น ที่มีการวางท่าทางผิดรูป อาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ โรคอ้วน อาจทำให้การเดิน ยืน หรือนั่ง ผิดปกติไปจากเด็กที่ไม่มีปัญหาน้ำหนักส่วนเกิน มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่กระตือรือร้น ขาดการออกกำลังกาย หรืออยู่กับที่มากเกินไป จนทำให้การวางท่าทาง ผิดรูป หรือผิดปกติ เพราะอวัยวะบางอย่างอาจจะไม่ได้ใช้งานจนผิดรูปไป เลียนแบบท่าทางจากเด็กคนอื่นที่ไม่เหมาะสมกับตนเอง เด็กอายุ 3-5 ปีมักจะเลียนแบบคนอื่น และท่าทางก็เป็นสิ่งที่เลียนแบบได้ ดังนั้น หากเด็กเกิดพฤติกรรมเลียนแบบอาจทำให้มีท่าทาง ผิดรูป หรือมีท่าทางที่ไม่เหมาะสมกับช่วงวัย หรือลักษณะทางกายภาพของตนเอง แบกกระเป๋าเรียนที่หนักจนเกินไป ทำให้ร่างกายแบกรับน้ำหนักเกินตัวจนส่งผลต่อรูปร่างของกระดูกหลัง […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ลูกไม่กินข้าว สาเหตุ และวิธีการฝึกให้ลูกกินข้าว

ลูกไม่กินข้าว เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความลำบากใจให้คุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัย 1–7 ปี เนื่องจากอาจทำให้ลูกได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาและการเจริญเติบโตของร่างกาย คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีการฝึกให้ลูกกินข้าว เพื่อช่วยดูแลให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเหมาะสมต่อวัย ลูกไม่กินข้าว เกิดจากอะไร ลูกไม่กินข้าว อาจทำให้ลูกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งความวิตกกังวลนี้อาจเกิดจากความไม่รู้หรือเข้าใจผิด ของคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องกินและน้ำหนักตัวของลูก ดังนี้ คุณพ่อคุณแม่มีค่านิยมที่ผิด ๆ มองว่า เด็กอ้วนคือสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แข็งแรงและน่ารัก ทำให้มองเด็กที่น้ำหนักปกติว่า เป็นเด็กผอมเกินไป และพยายามยัดเยียดเรื่องกินมากขึ้น เข้าใจผิดว่าลูกน้ำหนักน้อยเกินไป ทั้งที่น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นในชั้นเดียวกันที่มีน้ำหนักเกิน  ซึ่งในปัจจุบันมีเด็กอ้วนในบ้านเราอยู่ถึงร้อยละ 15-20 ไม่รู้ว่าเด็กหลังอายุ 1 ขวบ อาจสนใจการกินน้อยลง เด็กอายุขวบปีแรกจะกินเก่งเพราะเป็นช่วงที่เติบโตเร็ว ซึ่งเด็กจะมีน้ำหนักเพิ่มถึง 3 เท่าตัว คือ น้ำหนักแรกเกิดประมาณ 3 กิโลกรัม จะเพิ่มเป็น 9 กิโลกรัม เมื่ออายุ 1 ขวบ จึงมีความต้องการสารอาหารมากตามธรรมชาติและหิวบ่อย กินเก่ง แต่เมื่ออายุ 1 ปี จนถึง 10 ปี จะมีน้ำหนักขึ้นเฉลี่ยปีละ 2 กิโลกรัม ทำให้ร่างกายต้องการสารอาหารน้อยลง […]


การเติบโตและพัฒนาการ

หมดปัญหา ลูกไม่ยอมทำการบ้าน ด้วยวิธีการเหล่านี้

พอพูดคำว่า การบ้าน เด็กๆ หลายคนส่ายหน้าหนีในทันที บางทีก็มีงอแง หนูไม่อยากทำ ผมไม่อยากทำ แล้วคุณพ่อคุณแม่จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ จะให้ดุ ให้ตี หรือบังคับเขา ก็จะพาลดราม่าเปล่าๆ เผลอๆ อาจทำให้ลูกไม่ชอบทำการบ้านมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ดังนั้น Hello คุณหมอ มีบทความดีๆ มาให้อ่าน เลยจะชวนคุณพ่อคุณแม่ มาดูวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหา ลูกไม่ยอมทำการบ้าน กันค่ะ สาเหตุที่ลูกไม่ยอมทำการบ้าน ก่อนจะไปรู้วิธีแก้ก็ต้องมาดูที่สาเหตุกันก่อนว่าทำไมนะ ลูกของเราจึงไม่ยอมทำการบ้าน เหตุผลที่ลูกไม่ชอบทำการบ้านนั่นอาจเป็นเพราะ การบ้านยากเกินไป เด็กบางคนอาจไม่เข้าใจที่คุณครูสอนหรือที่เรียนมาในวันนี้ หรือทำแบบฝึกหัดในห้องก็ทำไม่ได้ จึงไม่อยากทำการบ้าน เพราะทำไม่ได้ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี คุณแม่อาจค่อยๆ ถามแล้วค่อยๆ สอน อธิบายให้เข้าฟังอย่างใจเย็น คุณครูดุ เลยขาดความมั่นใจ เด็กๆ อาจโดนดุ เมื่อทำแบบฝึกหัดในห้องเรียนไม่ได้ หรือทำช้า ไม่ทันเพื่อน การโดนคุณครูดุอาจส่งผลทำให้ลูกไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ จนไม่อยากทำการบ้าน ทำการบ้าน ไม่สนุก การออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ดูการ์ตูนกับคุณพ่อคุณแม่ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ น่าสนุกกว่าการทำการบ้านอยู่แล้ว ลูกๆ จึงอยากทำอย่างอื่นมากกว่าทำการบ้าน ที่ดูน่าเบื่อและดูไม่น่าสนุกเอาซะเลย การบ้านเยอะเกินไป แค่เห็นการบ้านที่ต้องทำก็เกิดอาการท้อใจ เด็กๆ หลายคนคิดว่าทำไม่เสร็จแน่ๆ ยากก็ยาก เยอะก็เยอะ บางครั้งเลยเกิดอาการงอแง ไม่ยอมทำการบ้าน ลูกยังทำไม่ได้ สำหรับเด็กเล็ก ทักษะบางอย่างก็ยังทำไม่ได้ในครั้งแรก […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ความนับถือตัวเอง สำคัญกับเด็กอย่างไรบ้าง

ถ้าลูกของคุณกำลังคิดว่า ตัวเองไม่ดีพอ ไม่ว่าจะในการทำอะไรก็ตามแต่ นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกกำลังมีความนับถือตัวเองต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลไปจนโต คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกจากปัญหานี้ได้ มาช่วยลูกจัดการกับปัญหา ความนับถือตัวเอง กันเถอะค่ะ ความนับถือตัวเองต่ำ เป็นอย่างไร หากลูกของคุณกำลังมีอาการเหล่านี้ เข้มงวด จริงจังกับทุกเรื่อง ไม่ชอบเรื่องท้าทาย ไม่ชอบลองทำอะไรใหม่ๆ รู้สึกไม่ดีพอ รู้สึกทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น เอาแต่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองทำได้ไม่ดี มากกว่าพูดถึงเรื่องที่ตัวเองทำได้ ขาดความมั่นใจ สงสัยตัวเอง คิดว่าคงทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่ได้แน่ๆ ปลีกตัวออกจากสังคม ลูกก็อาจกำลังคิดว่าตัวเองไม่ดีพอซึ่งอาจจะส่งผลต่อชีวิตของลูกตอนที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่ได้ มีงานวิจัยที่วิเคราะห์ลักษณะนิสัยของผู้ชายและผู้หญิง 250 คน อายุ 65 ปีขึ้นไป โดยอายุ รายได้ การศึกษา และสภาพความเป็นอยู่ไม่ได้แตกต่างกัน ผลการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุที่มีความนับถือตนเองต่ำ (Low self-esteem) ซึ่งมีลักษณะนิสัยเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ หรือคิดว่าตัวเองไม่มีค่านั้นมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ค่อยดีในตอนแก่ ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องปัญหาชีวิต นอกจากนี้ยังมีอาการของโรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวลด้วย ทำไมลูกจึงคิดว่า ตัวเองไม่ดีพอ การที่เด็กๆ คิดว่าตัวเองไม่ดีพอนั้นแสดงถึงการมีความนับถือตนเองต่ำ ความนับถือตนเอง (Self-esteem) คือการรู้คุณค่าในตนเอง รวมถึงการมีความมั่นใจและความพึงพอใจในตนเอง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ความนับถือตนเองสูง และความนับถือตนเองต่ำ ลักษณะนิสัยของคนที่มีความนับถือตนเองสูงคือ จะมีความมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวเอง มีทักษะในการเข้าสังคมเนื่องจากมีความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ปัญหาสุขภาพของเด็กเมื่อใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก

ปัจจุบัน หลายครอบครัวพ่อและแม่มุ่งทำงานเพื่อสร้างความมั่นคงของครอบครัว จนละเลยการใช้เวลากับลูก ๆ เมื่อกลับถึงบ้านอาจเหน็ดเหนื่อยจนทำให้ไม่ได้ใช้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ บางครอบครัวใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก ซึ่งอาจสร้างปัญหาต่าง ๆ ให้ลูกรักโดยไม่รู้ตัว ทั้งด้านร่างกาย สุขภาพสายตา และสุขภาพจิตที่อาจส่งผลเสียต่อลูกมากกว่าที่คิด [embed-health-tool-vaccination-tool] โทรทัศน์ เลี้ยงลูก ดีจริงหรือ เมื่อพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก มักใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก ซึ่งหากผู้ปกครองไม่ได้กำหนดรายการที่เหมาะสมอาจทำให้เด็กได้รับสารที่ไม่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้นในบางครอบครัวให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปีดูโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากเด็กวัยนี้ยังไม่พร้อมด้านประสาทสัมผัส ความเข้าใจในภาษาสื่อสาร และการแยกแยะเนื้อหาสาระที่ได้รับ รวมถึงพ่อแม่บางคนเข้าใจผิดว่าการให้ลูกน้อยดูโทรทัศน์จะทำให้เด็กฉลาดขึ้น ความจริงแล้ว หากเลือกรายการที่เหมาะสมและผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำ อาจช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก แต่หากเป็นในทางตรงกันข้าม เมื่อใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก อาจส่งผลเสียดังนี้ พัฒนาการด้านร่างกาย เป็นที่ทราบกันดีว่าการจ้องโทรทัศน์เวลานาน ๆ ดวงตาจะเกิดความเหนื่อยล้า แต่ผลเสียที่เพิ่มเติมจากนั้นคือ เด็กจะสูญเสียเวลาที่ควรใช้ไปกับการวิ่งเล่น เพื่อขยับและพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ไปกับการนั่งอยู่หน้าจอ ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง และยังส่งผลต่อบุคลิกภาพในอนาคต  พัฒนาการด้านสติปัญญาและอารมณ์ การใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก ส่วนใหญ่จะเกิดผลกระทบในด้านสติปัญญาและอารมณ์มากที่สุด เนื่องจากเด็กจะขาดการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทำให้เด็กเรียนรู้ช้า ขาดจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

เล่นนอกบ้าน ส่งผลดีต่อสุขภาพของเด็กอย่างไร

การเล่นนอกบ้านสำหรับเด็กเป็นเรื่องสนุก และในความเป็นจริงแล้วการให้ลูกๆ ของเราได้ออกไปเล่นนอก ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ หรือในที่กลางแจ้งบ้าง ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่คุณพ่อคุณแม่อาจนึกไม่ถึงอีกมากมาย มาลองดูกันว่าลูกของเราจะได้รับประโยชน์สุขภาพอะไรบ้างจากการออกไป เล่นนอกบ้าน ประโยชน์สุขภาพจากการออกไป เล่นนอกบ้าน 1. ได้วิตามินดีจากแสงแดด การออกไปเล่นนอกบ้านทำให้ลูกๆ ได้เจอแสงแดด เวลาที่ผิวเจอแสงแดด รังสียูวีบีจากแสงแดดจะทำปฏิกิริยากับคอเลสเตอรอลในเซลล์ผิว ซึ่งทำให้เกิดวิตามินดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูก เช่น โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง โดยเวลาที่เหมาะสมในการให้เด็กๆ ไปเล่นนอกบ้านเพื่อให้รับวิตามินดีจากแสงแดด ก็คือ ช่วงเช้าถึง 9.00 น. และช่วงเย็นตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลาอื่น โดยเฉพาะช่วงเที่ยงและบ่าย เพราะแสงแดดอาจทำร้ายผิวของเด็กๆ ได้ 2. เล่นนอกบ้าน ช่วยเรื่องสมาธิ โรคสมาธิสั้นในเด็ก หรือโรค ADHD (Attention deficit hyperactivity disorder) เป็นโรคที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวลใจ กลัวว่าลูกตัวเองจะป่วยเป็นโรคนี้ โดยอาการเบื้องต้นของโรคสมาธิสั้น คือ ถูกรบกวนได้ง่าย สมาธิหลุดบ่อยๆ ไม่สามารถทำงานบางอย่างจนเสร็จได้ เช่น ทำการบ้าน หรือไม่สามารถตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับอะไรได้นานๆ โรคสมาธินี้ไม่เพียงแต่พบในเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นโรคสมาธิสั้นได้เช่นกัน มีผลการวิจัยที่ชี้ว่า การพาลูกออกไปเล่นนอกบ้าน ในสนามหญ้า หรือสถานที่ที่มีต้นไม้ใบหญ้าเป็นประจำทุกวัน จะช่วยทำให้อาการสมาธิสั้นใจเด็กดีขึ้น […]


การเติบโตและพัฒนาการ

สอนลูก ให้เรียนรู้จากสิ่งที่ทำผิด ควรทำอย่างไร

อย่างที่รู้กันว่า การลงโทษหรือต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงเวลาที่เด็กทำผิด ไม่ได้ช่วยทำให้ลูกเรียนรู้สิ่งที่ถูกต้องจากความผิดพลาดได้ นอกจากนี้ การต่อว่าหรือลงโทษลูกอาจทำให้ทุกอย่างแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม หรือความสัมพันธ์กับคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น หากอยาก สอนลูก ให้เรียนรู้จากสิ่งที่ทำผิด คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดี รวมถึงควรใช้เหตุและผลในการอธิบายให้ลูกเข้าใจถึงสิ่งที่พวกเขานั้นได้ทำลงไป วิธี สอนลูก ให้เรียนรู้จากสิ่งที่ทำผิด ลูกมักเลียนแบบผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดมากที่สุด หรือคนที่พูดคุยติดต่อกับพวกเขาโดยตรง ลูก ๆ อาจจะไม่อยากฟังคำพูดหรือไม่ยอมทำตามคำสั่งของคุณพ่อคุณแม่ แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็มักจะลงเอยด้วยการเลียนแบบการกระทำอยู่ดี ฉะนั้น หากอยากให้ลูกเรียนรู้จากความผิด คุณพ่อคุณแม่อาจต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี และ สอนลูก ด้วยวิธีเหล่านี้ อย่าแสดงอารมณ์เกินกว่าเหตุ ถ้าลูกทำนมหกโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่าเพิ่งโมโหใส่ลูก เพราะปฏิกิริยาที่เกรี้ยวกราดของคุณพ่อคุณแม่อาจสร้างความทรงจำแย่ ๆ ให้ลูก ลูกอาจรู้สึกกลัวเมื่อต้องเผชิญกับอารมณ์รุนแรงของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอาจส่งผลให้พวกเขาต่อต้าน และแสดงอาการก้าวร้าวออกมา ต่อไปเวลาที่ลูกทำอะไรผิดพลาด พวกเขาก็จะร้องไห้ หรืออาจโยนความผิดให้คนอื่น ไม่ยอมรับผิดเอง ฉะนั้น หากลูกทำอะไรผิด สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำ คือ สงบสติอารมณ์ สูดหายใจลึก ๆ อย่าแสดงอารมณ์เกินกว่าเหตุ เพราะจะยิ่งทำให้ลูกตกใจกลัว และปัญหาอาจบานปลาย ทำให้ลูกเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจเขา เวลาที่ลูกต้องการอะไร แล้วคุณพ่อคุณแม่ปฏิเสธสิ่งที่ลูกขอ อาจทำให้เด็กบางคนไม่เข้าใจ หรือแสดงอาการไม่พอใจ คุณพ่อคุณแม่อาจแสดงให้ลูกเห็นว่าเข้าใจเขา เด็ก […]


การเติบโตและพัฒนาการ

8 สัญญาณเตือนพ่อแม่ว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน

ปัญหาที่โรงเรียน เช่น การทะเลาะกับเพื่อน โดนเพื่อนแกล้ง คุณครูดุ ทำการบ้านไม่ทัน ไม่ได้อ่านหนังสือสอบ อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับลูกอาจเป็นเรื่องใหญ่ที่ก่อให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือความเสียใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องพยายามสังเกตว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน หรือไม่ เพื่อจะได้ให้คำปรึกษาและช่วยหาทางออกที่ถูกต้องให้แก่ลูก ทั้งยังอาจช่วยบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง สัญญาณที่บอกว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน สำหรับสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน อาจมีดังนี้ 1. อาจเริ่มหาข้ออ้าง เพราะไม่อยากไปโรงเรียน เมื่อลูกเริ่มหาข้ออ้างเพราะไม่อยากไปโรงเรียน เช่น เหนื่อย หรือเริ่มตั้งคำถามว่าทำไมต้องไปโรงเรียนด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าเด็กกำลังมีปัญหาบางอย่างที่โรงเรียน 2. อาจแกล้งป่วย การที่ลูกแกล้งป่วย โดยให้สาเหตุว่าปวดหัว ปวดท้อง ไม่ค่อยสบาย เพื่อขอหยุดเรียน 1 วัน อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่กำลังบอกให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องทำความเข้าใจกับลูก สอบถามถึงปัญหา และช่วยหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับพวกเขา 3. อาจมีอาการเศร้าซึม ไม่ร่าเริง จากที่ลูกเคยหัวเราะ อารมณ์ดี แต่เปลี่ยนไปเป็นซึม ๆ นิ่ง ๆ ดูเศร้า ๆ อย่างแรกคือ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

หาเพื่อนให้ลูก วัยเตาะแตะ คุณพ่อคุณแม่ทำได้อย่างไรบ้าง

การ หาเพื่อนให้ลูก โดยเฉพาะลูกในวัยเตาะแตะหรือวัยเด็กเล็ก อาจเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่มองว่ายาก เพราะเด็กวัยนี้มักอยู่แต่ที่บ้าน ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน จึงไม่อาจไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะเพื่อนวัยเดียวกันเท่าใดนัก แต่ความจริงแล้ว การมีวิธีหาเพื่อนให้ลูก ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในวัยเตาะแตะ เพื่อช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้กับลูก โดยเฉพาะพัฒนาการด้านสังคม วิธี หาเพื่อนให้ลูก วัยเตาะแตะ อย่าเร่งรีบเกินไป คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจกลัวว่าลูกจะไม่มีเพื่อน เลยเร่งรีบหาเพื่อนให้ลูกจนเกินไป เลยไม่ได้ประเมินให้ดีก่อนว่า ลูกคุณกับเด็กเหล่านั้น สามารถเข้ากันได้ไหม เหมาะจะเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า ทางที่ดี คุณควรให้เจ้าตัวเล็กได้ลองใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับเด็กคนอื่นไปก่อน ไม่ว่าจะด้วยการเล่นหรือการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ เพื่อนให้เจ้าตัวน้อยและว่าที่เพื่อนใหม่ของเขารู้สึกผ่อนคลาย และไม่กดดันจนเกินไป หาเพื่อนให้ลูก ควรเริ่มจากใกล้ๆ บ้านก่อน การหาเพื่อนให้ลูกที่สะดวกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่มากที่สุด ก็คือการหาเพื่อนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าคุณจะพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโด ลองหาเวลาพาเพื่อนออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่ส่วนกลาง เดินเล่นในหมู่บ้าน เดินเล่นในสวน หรือให้ลูกเล่นนอกบ้านบ้าง เพื่อให้ลูกได้เริ่มเรียนรู้ในการเข้าสังคม และอาจเพิ่มโอกาสให้เขาได้เจอเพื่อนรุ่นเดียวกันมากขึ้น นอกจากจะหาเพื่อนให้ลูกจากบริเวณใกล้บ้านแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ยังสามารถช่วยลูกหาเพื่อนได้ ตามสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือทำกิจกรรมสันทนาการสำหรับครอบครัว เช่น สนามเด็กเล่น สวนสัตว์ สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะในโซนเด็กเล่น ฝึกให้ลูกมีพฤติกรรมดี ความประทับใจแรกถือเป็นเรื่องสำคัญมากในการสานสัมพันธ์ หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกมีเพื่อนได้เร็วขึ้น หรืออยากให้เด็กคนอื่นอยากเล่นกับลูกของเรา คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเริ่มด้วยการสอนให้ลูกมีพฤติกรรมดี รู้จักอยู่ร่วมกับคนอื่น เช่น รู้จักแบ่งของเล่น แบ่งขนมให้เพื่อน […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม